ช่วงนี้กำลังมีไฟทำงาน อัพบล็อคเสร็จแล้วถ้ายังไม่ง่วงจะไปลุยต่อ
เอ้าต่อเลยละกาน~*
มีอยู่หลายเหตุผลที่สนับสนุนการไว้เคราของผมนะครับ ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติของผมที่ค่อนข้างจะมีเคราเยอะ (ผู้ชายที่หนวดเคราเยอะ ผมว่าต้องเคยอยากลองไว้สักครั้งในชีวิตกันทั้งนั้นครับ จะโกนทิ้งโกนทิ้ง ตลอดเวลารู้สึกเสียดายทรัพยากรน่าดู) คุณพ่อที่ไว้หนวดให้เห็นมาตั้งแต่เกิด หรือคุณแม่ที่พูดกรอกหูตั้งแต่เด็ก ๆ ว่าแม่ชอบฅนไว้หนวดไว้เครานะเว้ยยย ที่แต่งกะพ่อแกก็เพราะไว้หนวดนี่แหละ ฯลฯ
แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ผมค้นพบหลังจากไว้เคราก็คือว่า ไม่ว่าคุณจะมีเคยดูดี เรียบร้อย สะอาดสะอ้านแค่ไหนก็ตาม ลองไว้เคราสักครั้ง (เอาแบบดำปี๋เลยนะ หรอมแหรม ๆ ไม่เอา) โลกภายนอกก็จะมองคุณด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เมื่อก่อนผมคิดว่าภาพลักษณ์อะไรก็ตาม ถ้าคิดจะเปลี่ยนมันต้องใช้ความอดทนอย่างสูง และใช้เวลาไม่น้อยที่จะต้องปรับเปลี่ยนมุมมองจากบุคคลรอบข้าง ส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่าภาพลักษณ์ของผมสมัยอยู่สาธิต คงเปลี่ยนกันไม่ได้ง่าย ๆ แน่นอน
ผมคิดผิดถนัดครับ
กลายเป็นว่า แค่ผมไว้เคราเท่านั้นแหละ เวลากลับไปสาธิตเกษตรปุ๊บ ภาพลักษณ์ที่เคยมีมาถูกฉีกกระชาก -ทึ้ง -กระทืบ-เหยียบ-ขยี้ซ้ำ จนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปอย่างง่ายดาย
เอาง่าย ๆ ว่าแค่ตอนที่ผมนำสันทนาการ ออกไปเต้นแร้งเต้นกาต่อหน้าน้อง ๆ ในค่าย อาจงอาจารย์ที่มานั่งดูไม่มีใครแสดงสีหน้าประหลาดใจเลยนะครับ แถมยังมีมาชมอีกด้วยว่าผมบันเทิงได้ดีทีเดียว เมื่อเทียบกับตอนอยู่ม. 6 ที่ออกไปเต้นมดแดง(ท่าเต้นเพลงสันฯชนิดหนึ่ง น่ารัก ๆ)นิดเดียว ลงจากเวทีต้องพานพบกับสายตากึ่งทึ่ง กึ่งประหลาดใจทั้งนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่ผมไว้เครา คำชมประเภท ‘พี่มษฐาเป็นต้นแบบที่ดีนะ น้อง ๆ ควรเอาเยี่ยงอย่าง’ (ซึ่งเป็นคำชมที่อาจารย์มักพูดถึงศิษย์เก่าที่จบไปแล้ว) ไม่ลอยมาเข้าหูอีกเลย วะอะอะอะ (ได้ผลเกินคาดแฮะ)
เรียกได้ว่าเครดิตที่สั่งสมมาร่วมสิบสองปีในฐานะ "มษฐา" พังครืนลงมาไม่มีชิ้นดี….น่าดีใจเป็นยิ่งนัก
เอาเป็นว่าตอนนี้ผมไม่มีปัญหาในการเป็นตัวของตัวเองอีกต่อไปครับ ไม่ว่าจะเป็นฅนที่ผมทำความรู้จักใหม่ หรือฅนที่เคยรู้จักผมมานานแล้ว เชื่อว่าตอนนี้ไม่มีใครมองผมดูดีเกินความเป็นจริงแน่นอน
แต่ในโลกนี้ไม่ได้มีแต่ด้านดีเสมอไป….
การไว้เคราของผมก็มีแรงเสียดทานจากฅนรอบข้างเหมือนกันครับ
ส่วนใหญ่กว่า 90% จะเป็นผู้หญิง นอกนั้นก็อาจารย์อาวุโส ทั้งที่สาธิต แล้วก็ที่คณะ ผู้ปกครอง รุ่นพี่ รุ่นน้อง เพื่อนที่รู้จักแต่ไม่ได้สนิทมากก็มี แม้กระทั่งไปหาหมอที่เคยเจอหน้ากันเป็นครั้งแรก หมอยังหงุดหงิดแล้วพยายามพูดโน้มน้าวให้ผมเลิกไว้เลย (เอากะหมอดิ)
ผมก็เพิ่งเรียนรู้นี่แหละว่าการไว้หนวดไว้เครามันเป็นเรื่องร้ายแรงปานนั้น
แต่โชคดีว่า ก่อนหน้าที่ผมจะไว้เครา ผมเจอกับแรงเสียดทานที่ยิ่งใหญ่ และใหญ่ยิ่งกว่านี้มาแล้ว การไว้หนวดไว้เคราเลยกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย
นอกจากนี้คำพูดของฅนรอบข้างที่ไม่เห็นด้วยก็มักจะเป็นทำนองว่า
"อย่าคิดว่าไว้แล้วดูดีนะ"
"ไว้แล้วไม่หล่อหรอก เชื่อดิ"
"ตอนหน้าใสดูเท่กว่าเยอะเลย"
ฯลฯ
แน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้มีพลังในการโน้มน้าวต่ำมาก ๆ เพราะว่าแค่เริ่มก็ตั้งเป้าหมายผิดแล้วนี่ครับ ผมไม่ได้ไว้หนวดไว้เคราเพราะว่าอยากดูดีนี่นา (แต่เรื่องแบบนี้อธิบายด้วยคำพูดไม่กี่คำคงไม่เข้าใจได้ง่าย ๆ แน่)
กระทั่งว่าเหตุผลที่พยายามบอกให้ผมโกนทิ้งบางอย่างก็เข้าใจยากเหลือเกิน(สำหรับผม) เคยถกเล่น ๆ กับเพื่อนที่ไม่เห็นด้วยกับการไว้หนวดไว้เคราอย่างจริงจังเหมือนกัน เพราะเจ้าตัวบอกว่า ทำแบบนี้แล้วมันไม่สุภาพ
"ไว้หนวดมันไม่สุภาพตรงไหนล่ะ เมืองนอกเมืองนาก็ไว้กันออกเกลี่อน"
"ก็นี่มันเมืองไทย! ไม่ใช่เมืองนอก!"
(นั่นดิ ผมก็งงต่อว่าเมืองไทยมันต่างจากประเทศอื่นตรงไหน การไว้หนวดไว้เคราจึงกลายเป็นเรื่องไม่สุภาพไปได้ แต่ทว่า ถ้าคุณนับถือศาสนาซิกข์ การไว้เครากลับเป็นเรื่องที่รับได้–ทั้ง ๆ ที่อยู่ในเมืองไทยนี่แหละ!!? — ชักเข้าใจคำว่าดับเบิลแสตนดาร์ดขึ้นมาราง ๆ )
หรือ
"อย่างอธิการบดี (ม.มหิดล) ก็ไว้หนวดซะหนาตรึ๊บ จะบอกว่าแบบนั้นก็ไม่สุภาพเหรอ"
"ก็นั่นเค้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว เรายังเป็นเด็กอยู่"
(ผมก็เพิ่งรู้ว่าการไว้หนวดไว้เครามันมีจำกัดอายุเหมือนเรื่องเลือกตั้ง ซื้อบุหรี่ หรือเข้าผับนี่แหละ ว่าแต่ว่าอายุเท่าไหร่ถึงจะไว้หนวดแล้วสุภาพหว่า???)
อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีปฎิกิริยาจากฅนรอบข้างที่ผมประทับใจอยู่นะ
เช่น adviser ที่คณะ ผมเคยแตะ ๆ เรื่องนี้กับ adviser เหมือนกัน คำตอบเด็ดมาก
"เรื่องนี้พี่ไม่ถือนะ อยู่เมืองนอกไม่มีใครเค้าสนใจหรอก เค้าดูที่ความสามารถ"
ผมงี้ตบเข่าฉาด (ในใจ) เลย อุทาน (ในใจ)ว่า เออ จริงด้วยว่ะ (แต่พอนึกได้ว่าอาจารย์บอกว่าดูที่ความสามารถก็เสียวสันหลังวาบ ๆ เหอๆๆๆ)
อีกฅนที่ประทับใจมาก ๆ คืออาจารย์นลินี (ฟิสิกส์) ที่สาธิตเกษตร
ทุกครั้งที่เจอหน้าผม อาจารย์จะทำหน้าปรานีปนรู้สึกผิด แล้วพูดสั้น ๆ ว่า
"สมัยเรียน พวกครูคงกดดันคุณมากสินะ"
เล่นเอาผมอึ้งไปเลย อาจารย์มองแวบเดียวเห็นทะลุไปจนถึงก้นบึงของจิตใจ
อาจารย์สาธิตเกษตรนี่ ทำเป็นเล่นไม่ได้เจรง ๆ
อีกท่านที่ประทับใจ ก็มีเพื่อนคุณแม่ (ขออภัยจำชื่อไม่ได้) ตอนนั้นมีฅนทักเรื่องเคราผมในทำนองไม่เห็นด้วย เพื่อนคุณแม่ฅนนั้นก็เปรยเบา ๆ ว่า
"ไม่ต้องห่วงหรอก ไว้เจอสาวที่ถูกใจแล้วอยากทำตัวให้ดูดี เดี๋ยวก็โกนเองแหละ"
เออ จริงด้วย(ว่ะ)
แต่ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ฅนไม่เห็นด้วยนะครับ ผมก็เคยเจอรุ่นน้องผู้ชายหลาย ๆ ฅนที่เข้ามาชื่นชมพร้อมกับคอมเมนท์ว่าเคราผมนี่มันเท่บาดใจ ก็มี (ซึ่งผมก็ยังคลางแคลงในรสนิยมพวกนี้อยู่) ที่ประทับใจอีกก็มีตอนที่ขึ้น taxi เมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เอง ผมขึ้นไปนั่งข้างฅนขับ บอกจุดหมายปลายทาง ฅนขับก็ขับไป แต่หันมาจ้องหน้าผมบ่อย ๆ (ชินซะแล้วล่ะ กับการโดนฅนมอง) สักพักเจ้าตัวก็อุทานว่า "เคราพี่เท่ชะมัดเลย ปลูกที่ไหนครับเนี่ย" – – (กำ)
พอบอกว่าไม่ได้ปลูกเจ้าตัวก็หันไปขับรถต่อตามปกติ แต่ก็ลูบคางตัวเอง แล้วก็พึมพำ ๆ ว่า "ผมไว้มั่งจะดูดีอย่างนี้มั้ยเนี่ย"
เออ ดี
โดยรวมแล้ว การไว้เคราของผมถ้าเป็นฅนรอบข้างที่เจอกันทุกวี่ทุกวัน ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องผิดความคาดหมายแต่อย่างใดแล้วละครับ อย่างตอนที่เริ่มไว้ครั้งล่าสุด ตอนนั้นตัดผม แล้วก็เปลี่ยนกรอบแว่นใหม่พร้อมกัน
เชื่อไหมว่าฅนมาทักเรื่องผมทรงใหม่ กับแว่นตาอันใหม่ มากกว่าทักเรื่องเคราซะอีก
ส่วนฅนที่ไม่ได้เจอกันนาน ๆ พอเห็นเคราผมแล้วทำท่ามีปัญหา ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร รำคาญนิดหน่อยพอ ๆ กับเวลาแมลงวันมาตอมหน้าเท่านั้นเอง
สุดท้ายนี้ คำถามที่เจออยู่เป็นพัก ๆ ก็คือ "เมื่อไหร่จะโกนเนี่ย" ผมก็จะตอบส่ง ๆ ไปว่า "อีกไม่นานครับอีกไม่นาน"
แต่คำตอบในใจจริง ๆ ก็คือ
"เจอผู้หญิงที่ทำให้ผมอยากโกนได้เมื่อไหร่ ก็เมื่อนั้นละคร้าบบบบบ"
:: อยากไว้ก็ไว้ไปเถอะ นี่มันตัวของเราใครมีสิทธ์มาตั้งเงื่อนไขอะไรให้ตัวเราล่ะ? (ความเห็นยังเหมือนเดิม – -")
:: อาจารย์นินี สุดยอดงับ….
:: ยังไม่เปลี่ยนความคิดที่อยากไถเหมือนเดิม ^^"
:: ขอให้เจอคนคนนั้นเร็วๆนะพี่ก้อน
แอ้ว่า…
งั้นพี่ก้อนคงได้ไว้เคราตลอดชีวิตแล้วล่ะ
(ล้อเล่นนนนน..)
..อ่านที่อาจารย์พูดแล้วอยากเรียนสาธิตเกษตรเรยยย
ไม่รู้เหมิอนกันครับ แต่วันที่ผมเจอพี่ครั้งแรกที่ค่า KFC ครั้งแรก
กับตอนนี้ ผมคิดคนและแบบเลยนะครับ ยอมรับว่าตอนั้นแอบกลัวหน่อยๆ
ดูเหมือนเปนรุ่นพี่ที่ดุ อะไรแบบนั้นอ่ะ แต่พอเจอพี่เต้นหนอนน้อย
มันก็พังครืนลงมาเลย 55555
มันก็คงเป็นเหมือน Social Value อื่นๆในสังคมนี้และโลกนี้
มองด้วยตาที่ต่างกัน ย่อมเห็นได้ต่างกัน
สิ่งต่างๆเป็นเหมือนลูกเต๋า
หากเรามองตรงๆไปด้านใด เราก็มองเห็นเพียงด้านนั้น
หากเรามองทำมุมเฉียงๆกับหน้าเต๋า เราก็จะเห็นได้หลายด้าน
แต่ไม่มีใคร เห็นทุกด้านได้พร้อมกันแน่นอน
พี่ก้อนอธิบายภาพของการถูกทำลายภาพลักษณ์ได้ดีมากค่ะ – –
(อ่านแล้วนั่งหัวเราะกับหลายๆประโยคในบล๊อกนี้ ^^)
จะว่าไป ถ้าอยากไว้ก็ไม่เห็นต้องสนเลยนี่นาว่าใครว่ายังไง
แพรวว่าที่adviserของพี่ก้อนบอกถูกแล้วค่ะ ว่ามันอยู่ที่ความสามารถ
ดีออก จะได้ตัดคนที่มองเราจากภายนอกออกไป (ดูตัดเยื่อใยไปรึเปล่าเนี่ย?)
นึกภาพอาจารย์นลินีตามเลยค่ะ ..เห็นภาพทันที!!!
(เสียดายยังไม่เคยได้มีโอกาสเรียนกับอาจารย์เลย ท่าทางจะมันส์พิลึก)
สงสัยว่ากว่าจะได้โกนจริงๆนี่คงอีกนาน 555 (อยากเห็นหน้าสาวผู้โชคดีจริงๆ ^^)
โชคดีหรือโชคร้ายน่ะแพรว
อันนี้เอาไว้เจอเจ้าตัวแล้วค่อยถามเองดีกว่ามั้ง 5555 (^^)
เออ…ดีนะเปลี่ยนอะไรแบบไม่ต้องเปลือง
อย่างที่ป่านว่าแหล่ะ เวลามองคนก็จะมองด้านที่ตัวเองยืนอยู่ร่ำไป
ดีนะที่มุมมองของคนที่รักก้อนไม่มากดดัน อีก นอกนั้นก็ช่างมันเถอะ
นี่เป็นข้อคิดที่ดีนะ
เปลี่ยนมุมมองซะมั่ง…บางทีเขาอาจจะไม่ใช่อย่างที่คุณคิด(หรือหวัง)
สิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่ สิ่งที่ใช่อาจจะยังไม่เห็น
จริงไม๊…ก้อน
……….
แอ้…อย่าพูดไรเป็นลางร้ายงั้นดิ่..555555
มายด์ อาจารย์นินี ไม่อยู่ในแบลคลิสต์ใชป่ะ..
อ่านนานะจบแล้วค่ะ..อยากรู้ชีวิตของนานะที่เป็นนักร้องมากกว่าอีกคน
ชอบคนนี้มากๆ ดูผิดจากความน่าจะเป็นทางจิตวิทยามากเลยนะ
เลยอยากรู้(อีกแระ)ว่าคนแต่งให้น้ำหนักของความเป็นไปได้และเหตุผลของตัวละครตัวนี้ว่าอย่างไร
น่าจะเข้าข่าย"ทองเนื้อเก้า"
อีกคนก็ เห็นทั่วไปในสังคมปัจจุบันนี้..สงสัยว่าพอมีลูกจริงๆจะพลิกชีวิตได้ไม๊
จะเลี้ยงลูกไงน้อ…ขนาดจุดยืนตัวเอง ยัง"แกว่ง"ขนาดนี้เลย
ดูน่าจะเป็นบุคลิคลูกคนเดียว หรือไม่ก็คนเล็ก มากกว่าลูกคนกลางที่มาจากครอบครัวน่ารักขนาดนั้นน่ะ
การ์ตูนนี่เนาะ
ข่าวดี…Twin-B อ่านการ์ตูนเป็นแล้ว…โย้!!!!^_^
เออ เด๋วนี้เริ่มรุ้สึกว่า ถ้าพี่ก้อนไม่มีเครา ก้ไม่ใช่พี่ก้อนสิ เนอะ!
ก้อน
ขอโทษด้วยค่ะวันนี้พี่ไม่ได้ไปโบสถ์
โรคภูมิแพ้น้องธามกำเริบ เลยไปโรงพยาบาลแต่เช้า
อาทิตย์หน้าจะหอบการ์ตูนไปคืนนะคะ
ก้อนสะดวกวันไหนหรือให้เอาไปคืนที่ไหนเมลบอกพี่ได้นะคะ(แต่ต้องรอหลังวันพุธเพราะรถเสร็จบ่ายๆค่ะ รถโดนชนนิดหน่อย)
^_^
หืมมม อยากจะเห็นผู้หญิงคนนั้นจัง คนๆนั้นที่ทำให้พี่ก้อนบอกลาเคราสุดเลิฟไปได้ 555
ใกล้สอบ ถูกแล้วพี่ก้อน แต่ไม่มีอ่านหนังสือกัน เท่านั้นเอง…
พี่ก้อน..ถ้าพูดถึงพี่ก้อนต้องคิดถึงหน้าที่มีเคราอ่า..55+
อยากให้พี่ก้อนมาช่วยทำสันอีกอ่ะ..สนุกดีค่ะ มากับพี่โออ่ะ…ฟ่างจะรอดูนะคะ
ps.ขอบคุณที่ไปเม้นนะคะ
LarMai >>> ขอบใจจ๊ะ พี่ว่าไม่ใช่เราฅนเดียวหรอกที่อยากไถหน่ะ
cereal22 >>> ไม่หรอกจ้า ยังไงตอนรับปริญญาก็คงต้องโกนอยู่ดี (แต่ถ้าต้องโกนเพราะรับปริญญาก็แสดงว่า…ถึงตอนนั้นก็ยังหาไม่ได้อ่ะเด่ะ!!!)
chefphan >>> ถูกต้องค๊าบบบบ ท่าเต้นพี่นี่ ทำเอาฅนเปลี่ยนความคิดกันมาหลายฅนแล้วล่ะ
KUS³²_Neromics >>> เห็นด้วย ๆ เราคงไม่มีปัญญาบังคับให้ใครหันไปมองด้านอื่น ๆ หรอกน่อ แต่มันยากตรงที่ว่าทำอย่างไร เราถึงจะหันมุมอื่นให้เค้ามองเนี่ยสิ
pяãέω³² >>> โชคดีฅนที่บันดาลโชคหรือเคราะห์ให้พี่ได้เป็นฅนที่ไม่สนใจไง ถ้าเกิดเป็นเจ้านงเจ้านายที่ไม่พอใจเคราเราก็คงลำบากพิลึก
พี่ว่าก็ไม่ตัดเยื่อใยไปหรอกนะ ฅนที่ดูภายนอกก็คบแหละ แต่คงไม่ให้ใจมากเท่านั้นเอง
เฮ้พี่น้อง- ฅนที่รู้จักพี่มีแต่ฅนโชคดีเท่านั้นแหละเฟร้ย!!!
¤°•TwïѬ߱┢┦ømë•°¤ >>> อ่านนานะ แล้วลองมาอ่านบล็อคผมอีกรอบสิครับ อาจจะได้อรรถรสมากขึ้น (หุหุ โฆษณาซะงั้น)
||SoM"Z|| >>> ถูก!!!
pLoi* >>> พี่ก็อยากเห็นหน้าพอ ๆ กับเราละจ๊ะ นั่นเด่ะ วันก่อนโทร.หาโอ ปรากฏว่ามันอยู๋บ้านแล้ว ตกใจเลยว่าทำไมกลับบ้านตั้งแต่ยังไม่มืด มันบอกว่าสอบนี่เอง
Kaofang >>> โอ้ อ่านหลายรอบแล้วจ้า พอดีเพิ่งมีโอกาสเม้นท์แล้วเนียน
อืม..อ่านอีกรอบอาจจะได้สับปะรดไปก็ได้นะ….คริคริ
แซวเล่นน้า…
อืม..อ่านอีกรอบอาจจะได้สับปะรดไปก็ได้นะ….คริคริ
แซวเล่นน้า…
คลิ๊กเดียว เบิ้ลสอง
ชีวิตชั้นจะเจอแฝดไปตลอดรึไงเนี๊ยะ
(โทษทีนะคะ..แหะๆๆ เดี๋ยวจะหาว่าย้ำมุก..)