เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมกลับบ้านครับ แล้วพอดีคุณแม่เปิดทีวีค้างไว้ ตอนแรกผมเองก็ไม่ได้สนใจอะไร นั่งทำงานไปเรื่อย ๆ สักพักก็ทนความเย้ายวนของหน้าจอไม่ไหว ลุกขึ้นมาดูครับ
รายการที่ดูวันนั้นคือ เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ซีซั่น 4
จริง ๆ ผมไม่เคยดูรายการนี้มาก่อนเลยครับ รู้แต่ว่าเป็นรายการที่ประกวดร้องเพลง แล้วก็มีคอมเมนเตเตอร์มาวิพากษ์วิจารณ์ ตัวฅนวิจารณ์ผมก็ไม่รู้จัก รู้จักแต่พี่ม้าฅนเดียว แล้วก็รู้จักนักร้องที่แจ้งเกิดกับเวทีนี้แค่ไม่กี่ฅน เช่น บี้เดอะสตาร์ เอ็มเดอะสตาร์ อาร์เดอะสตาร์ อะไรเทือก ๆ นี้ (ไม่มีนักร้องหญิงบ้างเรอะ?)
ที่ดูไปไม่ใช่ช่วงที่มีการแข่งขันครับ เป็นแค่ช่วงคัดเลือกรอบแรกของภาคกลาง (ภาคอื่น ๆ จะเอามาให้ชมวันหลัง)
การคัดเลือก ก็จะให้ไมโครโฟนครับ แล้วเข้าไปสัมภาษณ์กับคณะกรรมการทั้งสามทั่น (ก็ที่เป็นคอมเมน์เตเตอร์นั่นแหละครับ) ร้องเพลงสด ๆ ให้ฟัง แล้วก็พูดคุยนิดหน่อย คัดเหลือ 13 ฅน รอบสองเป็นการร้องเพลงกับเปียโน แล้วก็ประกาศผล
ส่วนตัวแล้วผมเคยทั้งเป็นผู้ถูกสอบสัมภาษณ์ แล้วก็ผู้สัมภาษณ์นะครับ การสัมภาษณ์แต่ละครับ ก็จะมีการให้คะแนนแล้วแต่ว่าเราจะเอาฅนที่ได้ไปทำอะไร ถ้าเป็นในกรณีนื้ ก็จะเอาฅนที่ผ่านไปร้องเพลง ก็คงจะเน้นที่การร้องการเต้นเป็นหลัก
ส่วนที่น่าสนใจสำหรับผมก็คือ รายการเค้าก็จะตัดสลับกันครับ มีการสัมภาษณ์ฅนก่อนเข้าห้อง แล้วก็มีตัดไปดูตอนที่สัมภาษณ์โดยคณะกรรมการบ้าง ตอนร้องเพลงบ้าง แล้วก็มีการสัมภาษณ์หลังรู้ผลบ้าง (คือสัมภาษณ์เสร็จก็รู้ผลเลยครับ เป็นอะไรที่ไวมาก ๆ)
แต่จากประสบการณ์ที่เคยสัมภาษณ์ชาวบ้านมาเนี่ย มันจะรู้ผลเลยจริง ๆ นะครับ ไม่ต้องสัมภาษณ์นานด้วยซ้ำ แค่คุยกันไม่กี่ประโยค เราก็พอบอกได้แล้วว่า ฅน ๆ นี้จะผ่านหรือไม่
อย่างในรายการนี้เองก็เหมือนกันครับ ฅนสัมภาษณ์เยอะมาก ๆ แต่พอให้ร้องเพลง เราก็จะพอบอกได้ว่า ฅนนี้น่าจะผ่าน หรือว่าไม่น่าจะผ่าน เพราะว่าฅนเสียงดีกับเสียงไม่ดีนักเนี่ย มันพอดูออกครับ
อันนี้เป็นการสัมภาษณ์เพื่อร้องเพลง มันก็ดูง่ายหน่อย แต่ถ้าเป็นสัมภาษณ์อย่างอื่น ฅนที่กรรมการจะสะดุดใจแล้วให้คะแนนมาก มักเป็นฅนที่ ‘แตกต่าง’ จากฅนอื่นครับ ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร ถ้ามีฅนที่ตอบคำถามเหมือน ๆ กันสิบฅน แล้วฅนที่สิบเอ็ดตอบไม่เหมือนชาวบ้านเค้า ไม่ว่าจะตอบออกมาดีหรือไม่ดีก็ตาม แต่ถ้าตอบแล้วมันดูต่าง ยังไงกรรมการก็ต้องสะดุด แล้วก็ให้ใคร่ครวญการให้คะแนนมากขึ้นแน่ ๆ
แต่ทำอย่างไรถึงจะดูแตกต่างจากฅนอื่น อันนี้ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ เพราะเวลาเราไปสัมภาษณ์จริง ๆ ก็ไม่รู้หรอกว่าฅนอื่นจะตอบอะไรบ้าง ไอ้ที่คิดว่าตอบออกมาแปลกแล้ว แหวกแล้ว ฅนอื่นอาจจะตอบเหมือน ๆ เราก็ได้ (แต่บางทีมันก็อยู่ที่คาแร็คเตอร์เหมือนกันนะครับ ผมเคยไปสัมภาษณ์เข้าชมรมวิเทศสัมพันธ์ที่คณะ ตอบคุยกันก็ไม่รู้หรอก แต่พอออกมาจากห้องสอบ คุยกับรุ่นพี่ที่เป็นคณะกรรมการแล้ว ถึงเพิ่งรู้ว่า เราตอบประหลาดอยู่ฅนเดียว)
ทริคอีกอย่างหนึ่งก็คือ กรรมการจะชอบใช้วิธีกดดัน จะพูดตรง ๆ ตำหนิ ต่อว่า หรือสร้างบรรยากาศเคร่งเครียดครับ ไม่ได้มีเจตนาจะพูดจาทำร้ายกันตรง ๆ แต่ทำไปเพื่อที่จะดูปฏิกิริยาของเรา เท่าที่ผมดูในรายการ ส่วนใหญ่เวลาเจอกรรมการวิจารณ์โหด ๆ เข้าไปก็จะเกิดอาการฝ่อ ร้องไห้บ้าง หัวฟัดหัวเหวี่ยงออกมาบ้าง หรือไม่ก็หน้าเสียบ้าง แต่บางฅนที่ยิ้มหัวเราะร่า หรือมีทัศนคติเชิงบวกมาก ๆ ผมว่าเป็นผม ผมก็จะให้คะแนนฅนนี้สูงนะฮะ (เพราะว่าต่อไปถ้าไปเป็นดารานักร้อง น่าจะต้องมีทักษะในการรับแรงกดดันแบบนี้มาก ๆ)
อย่างเช่นตอนสัมภาษณ์ ก็มีฅนถามว่า น้องเป็นเกย์รึเปล่า? โหย ตอนฟังคำถามครั้งแรกผมสะดุ้งเลยครับ ดูมันจาบจ้วงมิใช่น้อย แต่ฅนตอบไม่สะทกสะท้านเลยครับ หัวเราะ แล้วก็เล่าให้ฟังซ้ำไปด้วยว่า ไม่แปลกใจเลยที่ถามแบบนี้ เพราะขนาดแม่ผมยังสงสัยเลยฮะ(ฮา) ยังเคยมาบอกเลยว่า ไม่ว่าลูกจะชอบเพศอะไร แม่ก็ยังรักลูกเสมอนะ(ฮา)
ตอนที่ประกาศว่าน้องฅนนี้ผ่านเข้ารอบ ผมไม่แปลกใจเลยครับ (ร้องก็ใช้ได้ เต้นก็ดี แม้จะไม่เด่นจากฅนอื่นอย่างเห็นได้ชัด แต่พอเจอทัศนคติบวก ๆ แบบนี้เข้าไป ผมว่าก็น่าจะผ่านอยู่หรอก)
ฅนสัมภาษณ์เยอะมาก แต่เวลาที่ตัดต่อเอามาน้อย เค้าก็จะเลือกเฉพาะฅนที่มีคาแร็คเตอร์ที่น่าสนใจมาครับ ทั้งฅนที่ผ่านและฅนที่ไม่ผ่าน บางฅนก็หน้าตาดีมาก หุ่นดีมาก (เอื้อก) แต่ร้องไม่ดี ก็ไม่ผ่าน บางฅนก็เซลฟ์มาก ๆ ตอนสัมภาษณ์มั่นใจสุด ๆ แต่เวลาตกสัมภาษณ์ก็ฟูมฟายจะเป็นจะตายเหมือนกัน บางฅนก็มีประวัติที่น่าสนใจ เช่นเป็นโรคเลือดมาก่อน (ธาลัสซีเมีย) เพิ่งหายขาด หยุดเรียนไปเป็นสิบปี เข้ามารายการนี้เพราะใฝ่ฝันมานาน ตามดูตั้งแต่ตัวเองยังป่วยอยู่ ฯลฯ นั่งดูอยู่ 1 ชม. เค้าถ่ายทำเจาะฅนที่มาสัมภาษณ์นาน ๆ จริง ๆ ก็สิบกว่าฅนเองครับ (ฅนที่ผ่านรอบแรกบางฅน ยังฉายให้เห็นแว้บ ๆ เองเลย)
ก็ไม่แปลกใจหรอกนะครับ ผมเคยสัมภาษณ์รุ่นน้องที 30-40 ฅน ฅนที่มีคาแร็คเตอร์หลุดกรอบไปแบบที่น่าสนใจจริง ๆ มีไม่กี่ฅนหรอก ส่วนใหญ่ที่เข้ามานั่ง พูดไปได้สองสามแอะ ก็แทบจะเชิญไปโต๊ะอื่นแล้ว ถ้าบุคลิกไม่แตกต่างไปจากฅนอื่น ๆ คะแนนก็จะไม่แตกต่างไปจากฅนอื่น ๆ ด้วยครับ
ที่น่ารำคาญนิดหน่อยก็ตรงที่ว่าเค้าจะพยายามเลือกฅนแบบเมโลดราม่ามาให้เราดู แบบที่ร้องไห้น้ำตาเจียนหยด สะอึกสะอื้น เอามาให้ดูอยู่นั่นแล… แต่ผมก็พอเข้าใจนะฮะ เพราะว่าถ้าเอาฅนที่ตอบคำถามแกน ๆ พูดไปแกน ๆ ร้องเพลงก็งั้น ๆ ก็คงไม่น่าสนใจ ถ้ามีเนื้อเรื่อง มีอารมณ์ร่วม ก็ดูดีกว่าเยอะ (แม้จะเฟ้อไปหน่อยก็เหอะ)
ตัวแทนของภาคกลางที่ผ่านไปมี 6 ฅน (มั้ง) ครับ ที่จะต้องไปแข่งต่อกับภาคอื่น ๆ อีก ที่ผมเชียร์ตอนนี้ก็มีอยู่สองฅนครับ คือ กุญแจซอล ป่านทอง เป็นลูกดารา ตอนที่สัมภาษณ์ ก็มีฅนถามเหมือนกันว่าเป็นลูก…รึเปล่า เจ้าตัวก็ยอมรับ แต่ก็บอกว่า ไม่อยากให้เอาภาพไปเปรียบเทียบกับพ่อแม่ อยากให้ดูความสามารถมากกว่า กุญแจซอลนี่ เสียงดีมากครับ เป็นผู้หญิงเสียงห้าว แล้วก็อิมเมจแบบผู้หญิงเท่ ๆ (ส่วนตัวแล้วผมชอบผู้หญิงเสียงต่ำ ดูทอมนิด ๆ แบบนี้นะฮะ) ดูไปดูมา ผมว่า เหมือนพลอย-อรุณ(พหุ) มาก ๆ เลย
อีกฅนคือออร์แกนครับ ฅนนี้ก็เสียงดีมาก ร้องเพลงคลาสสิคมาก่อน เสียงโอเปราเลยครับ แต่ว่าอยากร้องเพลงป๊อบมาก แต่ว่าคุณแม่ไม่ยอม อยากให้ร้องเพลงคลาสสิคมากกว่า ที่มาสัมภาษณ์เนี่ย ที่บ้านไม่รู้เรื่องเลย พอผ่านสัมภาษณ์ก็น้ำตารื้นเลยครับ บอกว่านี่ตั้งใจมาก เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ถ้าไม่ผ่านก็จะยอมไปร้องคลาสสิคแบบที่ทางบ้านต้องการ แล้วพอผ่านเนี่ย ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะบอกที่บ้านยังไง .. ดูแล้วก็เชียร์อยากให้ได้เข้ารอบลึก ๆ เลยฮะ
โดยรวมแล้วก็สนุกดีครับ ที่ได้เห็นรีแอ็คชั่นของฅนหลาย ๆ ฅนเวลามาสอบสัมภาษณ์ หรืออย่างตัวกรรมการเอง มีฅนคอยบอกว่าโหดบ้างล่ะ ปากจัดบ้างล่ะ แต่ผมว่า ถ้าเรารู้ทริคแล้วว่า กรรมการจะเล่นยังไง จะกดดันอย่างไร หรือว่ายิงคำถามมาแบบนี้เพื่อต้องการทดสอบอะไรเรา ฯลฯ แล้วล่ะก็ ผมว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจมากเลยนะครับ
ช่วงนี้ก็มีโอกาสที่จะต้องไปสัมภาษณ์ชาวบ้านเค้าเหมือนกัน เห็นแล้วก็ตื่นเต้นน่าดู สำหรับรายการนี้ ถ้ามีโอกาสก็คงหาเวลาดูอีกแหละครับ
เพิ่มเติม**
ส่วนนี้เพิ่งมาเพิ่มทีหลังครับ
พูดถึงการสัมภาษณ์ กับคำตอบประหลาด ๆ แล้วก็นึกถึงกรณีของตัวเองได้ สมัยผมอยู่ชมรมวิเทศสัมพันธ์จะมีการสัมภาษณ์สมาชิกใหม่ คำถามที่ผมคิดว่าเป็นคำถามประหารเลยก็คือว่า ‘คุณคิดว่ามีคุณสมบัติอะไรพิเศษที่ฅนอื่นไม่มี ที่จะทำให้เราเลือกคุณรึเปล่า?’ เวลาถามคำถามนี้ไป น้อง ๆ ก็จะเหวอไปเลย ตอบไม่ค่อยจะถูก อ้อม ๆ แอ้ม ๆ ถ้ามีใครสักฅนพยายามตอบมาเช่น ‘เอ่อ ผมคิดว่า เพราะผมอยากเป็นส่วนหนึ่งของชมรมนี้มั้งครับ’ ก็จะโดนสวนกลับไปว่า ‘แล้วฅนอื่นไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งของชมรมนี้เหรอฮะ?’ หรือว่า ‘เอ่อ อาจจะเพราะหนูเคยทำกิจกรรมอื่นมาบ้างก่อนนะคะ ก็พอมีประสบการณ์ในการทำงาน’ ก็จะโดนสวนกลับไป(เหมือนเดิม)ว่า ‘ฅนอื่นที่มาสมัครเค้าก็เคยทำกิจกรรมกันมาก่อนทั้งนั้นแหละฮะ แค่นี้ไม่ทำให้เราเลือกคุณได้หรอก’
ก็อารมณ์กดดันกันไปแหละครับ ที่ผมเคยถาม แล้วคิดว่าตอบเข้าท่าที่สุด ก็จะประมาณว่า ‘ถึงจะไม่มีอะไรโดดเด่นที่สุดเลย แต่ก็มีคุณสมบัติหลาย ๆ อย่าง เช่น มองโลกในแง่ดี เคยทำกิจกรรมมาก่อน มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ซึ่งถ้าเอามารวม ๆ กันแล้ว ผมคิดว่า ก็น่าจะทำให้พี่ ๆ สนใจในตัวผมบ้างน่ะครับ’ หรืออะไรทำนองนั้น
แต่ตอนที่ผมโดนคำถามนี้ (ดูจะเป็นคำถามสุดยิดที่ถามกันทุกปี) ผมก็นิ่งคิดนิดนึง แล้วก็ตอบอย่างมั่นใจว่า ‘ไม่มีครับ’ ตอนนั้นพี่ที่สัมภาษณ์ก็คงงง ๆ ถามกลับว่า ‘ไม่มีเลยเหรอคะ? ไม่มีอะไรที่น้องเด่นกว่าฅนอื่นเลยเหรอคะ?’ (คงไม่เคยเจอคำตอบแบบนี้) ผมก็ดั๊น ตอบกลับไปว่า ‘จริง ๆ แล้วผมก็มีความสามารถพิเศษบางอย่างเหมือนกัน แต่เนื่องจากว่า ผมเองไม่รู้เลยว่า สมาชิกของชมรมนี้ จริง ๆ แล้วต้องการฅนที่มีคุณสมบัติอะไรบ้าง แล้วพี่ ๆ ก็ไม่เคยบอก ไม่เคยให้ข้อูมลว่า ชมรมนี้เขาทำอะไรกันบ้าง ต้องการฝ่ายไหนบ้าง เพราะงั้น ถึงผมจะมีความสามารถพิเศษอะไร เช่น ผมบอกว่าผมเล่นโขนได้ ซึ่งฅนอื่น ๆ ไม่น่าจะมี ผมก็ไม่แน่ใจว่า ความสามารถพิเศษของผมจะมีประโยชน์รึเปล่า ผมก็เลยตอบคำถามนี้ไม่ได้ครับ จนกว่าพี่ ๆ จะให้ข้อมูลพวกเรามาก่อนว่า จริง ๆ แล้วพี่ ๆ ต้องการฅนแบบไหนเข้าไปในชมรมกันแน่’
ตอนนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองตอบห่วยเป็นบ้าเลยครับ แต่เพิ่งมารู้เอาหลังจากนั้นว่า ตัวเองตอบประหลายกว่าชาวบ้านเค้า ก็หลังจากสอบสัมภาษณ์แล้วไปกินข้าวด้วยกัน แล้วพี่ที่อยู่ที่โต๊ะสัมภาษณ์นั้นก็เดินมาแซวว่า คำตอบน้องเนี่ย กวนประสาทพี่เป็นบ้าเลยว่ะ(ฮา) แล้วถัดจากนั้นปีนึง พอผมเป็นฅนสัมภาษณ์บ้าง ก็รู้เลยว่า ไม่มีใคร(บ้า)ตอบแบบที่ผมตอบเลยจริง ๆ
จนถึงตอนนี้ก็ยังนึกไม่ออกเลยครับ ว่าถ้าเราไปเจอคำถามนี้ (ซึ่งเป็นไปได้สูงว่าอาจจะได้เจออีก ถ้าไปสัมภาษณ์งาน หรืออะไรแนว ๆ นี้) เราจะตอบอย่างไรดี? ทุกท่านคิดว่าจะตอบคำถามนี้อย่างไรดีล่ะครับ? เอาแบบว่าฅนสัมภาษณ์จุก พูดอะไรไม่ออก สวนกลับมาไม่ได้เลยนะ (ฮา)
ไม่เคยดูเลย เดอะสตาร์ แต่ว่าเท่าที่อ่านจากบล้อกพี่ก้อนแล้วน่าสนใจดีเหมือนกัน การดูรายการนี้อาจจะทำให้เราเรียนรู้ที่จะวางตัวอย่างพอดีๆเหมาะสม มองโลกในแง่ดี ใจเย็น พร้อมรับกับทุกสถานการณ์ มั่นใจในตัวเองระดับที่เหมาะสม มุ่งมั่น
พี่ก้อนหนูว่าหนูเริ่มเนิร์ดจริงๆแล้วแหละ ดูภาษาที่หนูเขียนนนนนนนนนนนนนนซี่ หรือว่าไม่ค่อยได้พูดไทยมากนะ!!
+++ 5555 เมตอบว่า "ไม่มีค่ะ" เหมือนกันอ่ะพี่ก้อน ตอนนั้นในใจก็นึกอยู่เหมือนกันว่าเฮ่ย ตอบอะไรไปวะ แต่สติมันน้อยเกินกว่าจะฉุดความบ้าส่วนตัวอะค่ะ 55555
แล้วคนถามก็สถานการณ์เดียวกันกับพี่ก้อนอ่ะค่ะ ว่าอึ้งไป แล้วก็ถามว่าทำไมถึงคิดแบบนั้น เมก็บอกว่า เพราะเมไม่ได้รู้จักคนอื่นๆที่มาสัมภาษณ์ด้วย ไม่รู้ว่าเค้ามีอะไรบ้าง เรามีอะไรบ้าง คนเรามันก็มีความพิเศษอยู่ในตัวกันทุกคน ดังนั้นคนทุกคนพิเศษจึงพิเศษ และแตกต่างเหมือนกันหมด
+++ ขวางโลกได้อีก แปลกใจอยู่เหมือนกันที่ไม่โดนคัดออก 55555
แวะมาเยี่ยมก้อนก่อนค่ะไม่ค่อยมีเวลามาอ่านมาก ถึงอยากอ่านแค่ไหนก็เหอะ ติดไว้ก่อนนะสำหรับเอนทรี่เก่าๆ(แต่เข้าใจมะ..เอนทรี่แต่ละอันของเธอ ชั้นต้องอาศัยพลังมากมายในการตอบ..555)ไม่เคยดู เอ้ย ไม่ใช่สิ เคยผ่านตาแต่ไม่เคยดูจริงๆจังๆเลยคอมเมนท์ไม่ได้เคยดูรายการพวก reality shows รู้สึกว่า ไม่ใช่เรา เคยดู survivor เครียดมาก (ทั้งๆที่เรื่องในชีวิตจริงมันก็เป็นแบบนี้)ดูคนหักหลัง ทรยศ และแสดงจิตสำนึกในการเอาตัวรอดแบบNegative สุดๆแต่มันเป็นเรื่องจริง ผู้ที่อยู่รอดต้องทำทุกอย่างเพื่ออยู่รอดคงเพราะชีวิตจริงพี่ต้องเจอเรื่องแบบนี้ทุกวันมั้ง เลยเหนื่อยหน่ายที่จะูุอะไรที่ฉายซ้ำๆกับเรื่องที่เราเจอ..555รายการพวกคัดนักร้อง หรือ นักแสดง ประเภทthe star or AF พี่ไม่ได้ดู เพราะไม่ชอบหนึ่ง ไม่มีเวลาอีกหนึ่งที่เป็นเหตุผลใหญ่คุณแม่กะคุณพ่อชอบดู ดูเสร็จจะวิพากษ์กันว่าเด็กคนไหนมีความเก่ง ความฉลาดและไหวพริบยังไงพี่ว่าคงต้องหาเวลาดูบ้างแล้วล่ะ เผื่อมันจะมีมุมมองอะไรใหม่ๆตอนนี้ติดซีรีย์ Prison break คนข้างๆถามตลอดว่า พวกเอเอฟ เดอะสตาร์มันเครียดมากกว่าเรื่องนี้รึไงวะ แกถึงไม่ดู..ฮา(ป่าว…ข้าพเจ้าชอบพระเอก…^_^ Michael Scofield>>>link ไว้ให้ดูนะเผื่อมีเวลาเคยโดนสัมภาษณ์งานเจอคำถามแบบก้อนพี่เตรียมไว้เลย…ดิฉันเขียนไว้ในใบสมัครแล้วและคิดว่าความสามารถพิเศษอื่นๆมันการันตี ความสามารถในการให้การพยาบาลไม่ได้เลย ถ้าคำถามนี้คิดว่าความสามารถพิเศษจะช่วยในการให้การพยาบาลหรือช่วยโรงพยาบาลนี้ได้ คงจะเป็นตรงที่มันแสดงให้เห็นถึงความอดทน และพยายามในการเรียนวิชาพิเศษเหล่านี้ในระหว่างเรียนวิชาพิเศษและวิชาชีพไปพร้อมๆกันซึ่งจะพอแสดงให้เห็นได้ว่าดิฉันมีความอดทนและรับผิดชอบในสิ่งที่ทำให้สำเร็จลุล่วงพอทั้งนี้ พวกคุณมีเวลาถึงสามเดือนสามารถพิสูจน์ความสามารถในการทำงานของดิฉันว่าจะทำงานให้ได้คุ้มค่าอย่างที่คุณต้องการและดิฉันอวดอ้างหรือเปล่า….จดคำถาม-ตอบนี้ให้รุ่นน้องด้วยนะ หลังจากนันหลายร.พ.คงเจอคำตอบซ้ำๆแบบนี้แหล่ะ ..^_^ส่วนคำถามเรื่องความโดดเด่นเป็นพิเศษ พี่จำได้ว่าเคยบอกแนวๆนี้ คือพยายามโยนให้รับก่อนแล้วคอ่ยดูว่าโดดเด่นหรือเปล่าแต่ที่เด็ดกว่าคือ แผนก VVIP (มีวีอีกตัวไม่ผิดค่ะ) ที่ร.พ.แห่งหนึ่งตอนเรียกรอบสองเจอคำถามนี้ตอบไปว่า ถ้าไม่โดดเด่นเป็นพิเศษ ดิฉันมั่นใจว่า ทางโรงพยาบาลจะไม่เรียกสัมภาษณ์รอบสองก๊ากกก มั่นใจตัวเองสุดๆ (ได้นะเออ.ทำอยู่สองเดือน ลาออกก่อน เซ็งพวกไฮโซ)น้องๆที่จะไปสัมภาษณ์งาน คำถามพวกนี้ต้องเจอ พยายามคิดไว้ก่อนแล้วหาคำตอบที่ดูดีที่สุด คิดว่าเขาจะถามคำถามอะไร ลองถามพี่ๆที่ถูกสัภาษณ์ว่าเจอคำถามแปลกๆหรือเปล่า แล้วลองตอบในแบบของเราดูว่าจะเข้าท่าหรือเปล่า ซ้อมกับกระจกพี่ว่าจะเรียกความมั่นใจเยอะเลยนะเท่าที่ถูกสัมภาษณ์และสัมภาษณ์เอง ส่วนใหญ่แล้วที่ได้รับคัดเลือก ต้องมั่นใจและนอบน้อม อันหลังนี่สำคัญ กล้าจนไม่งาม เก่งยังไงก็ไม่มีทางได้งานเดิมและงานปัจจุบันมันต้องอาศัยอะไรหลายอย่างที่เป็นปัจจัยในการเลือก บางคนที่เก่งที่สุดก็ไม่ได้รับเลือก เพราะเราต้องการคนทำงานไม่ใช่คนเก่ง (โง่เล็กๆพอใช้งานได้ไม่เรื่องมาก)บางคนเป็นคนดี คนเก่ง แต่ไม่ถูกเลือก เพราะ ถ้าเลือกมา จะกลายเป็นตัวพิจารณาระหว่างเรากับเขา อย่าลืมว่าถ้าทำงานบริษัท ไม่มีใครสนใจว่าเราทำงานดีแค่ไหน นานเท่าไหร่ เมื่อมีตัวเลือกมากขึ้น และไม่เรียกร้องอะไรเพิ่ม นั่นเป็นตัวอันตรายสำหรับเรา>>>แย่เนาะ ดูเลวๆไงไม่รู้ถึงว่าไง พี่ไม่ชอบดูรายการอะไรพวกนี้ เพราะชีวิตจริงๆ มันล้นแล้วขอบคุณที่นึกถึงน้องๆค่ะ พี่ไม่เจอก้อนนานแล้วเพราะตื่นไม่ัทันวัดเช้า ของขวัญดองไว้ที่บ้านน่ะค่ะมีของคุณป้าด้วย กะรวบให้ตอนตรุษจีน วาเลนไทน์และสงกรานต์เลยดีมะ…ประหยัด..555
เฮ้ย…กดทีเดียวลบออกหน่อยนะก้อน
เพิ่งดูกะเค้าครั้งแรกเหมือนกันตอนคืนวันอาทิตย์ รู้สึกจะเป็นรอบของภาคอิสาน ปกติไม่ดูนะ
แต่วันนั้นไม่มีอะไรจะดู ..จริงๆดูแล้วก็ดีนะ แอบน้ำตาซึมๆเชียร์กับเค้าด้วย เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเพื่อนๆกับอ.ที่ภาควิชาถึงติดกัน
มันเป็นเรียลลิตี้ที่ดีตรงที่ มีก่อนและหลังสัมภาษณ์ด้วย ทำให้เรารู้จักคนที่เข้าสัมภาษณ์มากขึ้นและรู้สึกได้ถึงความคาดหวังของเค้าและครอบครัวขึ้นมาเลย(ถึงได้ร้องไห้ได้เวลาคนที่เราแอบให้กำลังใจมันเกิด"ผ่าน"ขึ้นมา)
คำถามที่ว่าจี้ใจดำสุดๆน่ะมันดูไม่โหดเพราะจริงๆกรรมการมีคำแนะนำดีๆให้ด้วย ก็เลยดูไม่แย่มาก ไม่ได้สักแต่ว่าถามเพื่อให้อายอย่างเดียวถ้ามองในแง่ดีหน่อย จริงๆคนที่เข้าสัมภาษณ์แบบนี้ได้อะไรมากมายทีเดียว
เคยโดนถามคำถามแบบนี้เหมือนกันก็ตอบว่า"อืม… ไม่มีค่ะ"(เพราะตอนนั้นนึกไม่ออกจริงๆว่าคนสัมภาษณ์ต้องการอะไรแบบที่ก้อนว่าล่ะ)
"^^… จริงๆมันขึ้นอยู่ว่าเรารู้รึปล่าวว่าผู้ที่เข้าสัมภาษณ์นั้นต้องการอะไร เราก็จะได้ตอบให้มันตรงน่ะนะ
คำตอบที่ดีที่สุดเท่าที่เคยตอบมาก็คือ "เป็นนักฟังที่ดี และชอบช่วยเหลือคนอื่นเสมอ" ตอนนั้นเคยไปสอบสัมภาษณ์ อาสาสมัครสึนามิน่ะ
(แต่ถ้าตอบให้ดูแย่หน่อยก็คงประมาณว่า เป็นนักฟังที่ดีแต่มักจะพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แถมยังชอบเสือกเรื่องชาวบ้านอีก ฮ่าๆๆๆ)
ไม่เคยดูครับ แต่ฟังๆดูแล้ว ก็น่าจะใกล้เคียงกับ American Idol อยู่ไม่น้อยยังไม่มีโอกาสสัมภาษณ์อะไรมากเท่าไหร่ ก็มีแค่เรื่องมหา’ลัยเนี่ยแหละ ผ่านมาอันนึง หลุดมาอันนึง.. ไม่รู้เหมือนกันว่า ที่สัมภาษณ์ๆไป มันมีผลแค่ไหน (แต่อันที่หลุดน่าจะมีพอสมควร)จริงๆเรื่องตอบแหวกแนวนี่ คนที่ตอบแกนๆ ไม่โดดเด่น ก็อาจจะมีเหตุผลเหมือนกัน คือ เป็นพฤติกรรมแบบฝูงน่ะครับ คือ เลือกที่จะตอบไม่เด่น เพราะผิดเหมือนคนอื่น ก็ยังพอได้ลุ้น แต่ถ้าคนอื่นดีแล้วเราเด่นแบบแย่ อาจจะหลุดไปเลย (อันนี้ขึ้นอยู่กับเปอร์เซนต์การผ่านด้วย ถ้าร้อยละต่ำหน่อย ก็ควรจะวางเดิมพันกับการทำให้เด่น อย่างในกรณีที่พี่ก้อนพูดมาทั้งหลาย)ไว้มีสัมภาษณ์อะไรคราวหน้า จะลองสังเกตดูปล. กลอนในบลอกจินนี่คนละอันกันครับ อันนี้พยายามให้เหมือนแต่งตอบจินนี่
ค้นฟ้าคว้าดาว ซีซั่น change ^^"
แอบรู้สึกว่า คนไทยยังร้องได้ไม่ดีเท่าทีควรอะคับ ชอบ อเมริกา Idol มากก่า คนที่ร้องดังมาถึงเมืองไทยเชียนะคับ ทีคนไทยthe star ไม่เหนดังไปทั่วโลกอย่างเขาบ้างเลย เชนวอร์ดก็รู้สึกมาจากรายการอะไรประเภทนี้เหมือนกาน และอีกหลายๆคนที่ขาพเจ้าปลื้มมมมมมม
เหอๆ ตอนผมสัมพาสนี่ เขาถามแต่เรื่องสาธิตเกษตร -.- แอบงงว่าสงสัยมากเลยหรือคับอาจาน ตอนแรกๆก็จ้อๆเป็นภาษาอังกิดดีๆ มาหลังๆเอ๋อออออออออออพูดไม่ออก ความคิดหยุดเป็นห้วงๆเหมือนซีดีที่มีรอยขูดขีด
ปล.ตอบยังไงก็โดนสวนกลับมาทุกคำถามเลย ใช้ใหลไปตามน้ำผมว่าเวิร์คสุด หุหุ
เวลาสัมภาษณ์ ที่รู้คือ เค้าถามอะไร
ยิ้ม
ตอบไม่ได้ คิดไม่ออก
ยิ้ม
กรรมการทำหน้าเครียด
ยิ้ม
ส่วนใหญ่ก็รอดนะเออ
เฮือก ดูคอมเมนต์แล้วเขียนกันเก่งได้อีก
ขอมาลงชื่อว่าอ่านแล้วนะจ๊ะ
ตอนนี้กำลังหัวฟูอยู่
ปกติไม่เคยดู Reality Show อย่างจริงจังจนมาติดนัทต้อล 555+
ต่อจากนี้ก็จะไม่ดูแล้วเพราะรักสองคนนี้หมดใจ เป็น fc อย่างเหนียวแน่นไปเสียแล้ว
ความจริงดูๆไปแล้วมันก็ได้อะไรดีๆกลับมาคิดนะ หรือแม้กระทั่งการพรีเซนต์ตัวเองอย่างที่มษฐาเขียนก็เป็นอะไรที่เอาไปใช้ได้จริงเหมือนกัน
Pum+PiM+ >>> โฮ่ เนิร์ด ๆ แหละดี กะลังอินเทรนด์เลย รตาอยู่นู่นได้ดูทีวีบ้างรึเปล่าจ๊ะ? แต่พี่ว่า อย่างที่นั่นก็น่าจะมีรายการอะไรประเภทนี้เหมือนกัน
*+ SailorMay +* >>> เฮ้ย ตอบเหมือนกันเลยอ่ะ นึกว่าจะไม่มีฅนตอบเหมือนกับเราซะแล้ว (ฮา) ขวางโลกแบบนี้แหละดี กรรมการชอบ (แต่ก็แล้วแต่กรรมการนะ แต่ถ้าเป็นพี่ พี่ชอบฅนที่ตอบอะไรแหวก ๆ แบบนี้นะเอ้อ)
¤°•TwïѬ߱┢┦ømë•°¤ >>> เคยดู survivor เหมือนกันครับ เครียดได้อีก ทำไมชีวิตถึงได้หม่นซัวขนาดนั้น (แต่ชอบตัวกิจกรรมนะฮะ ผมว่ามันมีไอเดียดี) รายการประเภทคัดดารานักร้อง อันนี้ไม่ค่อยมีเวลาเหมือนกันครับ อีกอย่าง เวลาดูแล้วจะรู้สึกว่า ร้องก็ธรรมดา เต้นก็ไม่ได้เก่งมาก จะกรี๊ดกร๊าดกันไปทำไม(วะ)
พอมาดูจริง ๆ ถึงได้รู้ว่า อารมณ์มันต่างกัน เราไม่ได้เชียร์ดารา แต่เหมือนเชียร์เพื่อนที่เรารู้จักประมาณนั้นมากกว่า
คำตอบพี่แจงเจ๋งดีฮะ ผมเป็นฅนสัมภาษณ์คงอึ้งไปเลยทีเดียวเชียว (แต่ถ้าไม่มีความสามารถพิเศษอะไรเลย คงฮาน่าดู)
เวลาคัดฅนแบบนี้ยากครับ บางทีเราไม่ได้ต้องการฅนเก่ง ๆ แต่เราต้องการฅนที่คิดอะไร ๆ เหมือนทีมงานมากกว่า ถ้าเก่ง แต่คิดทุกอย่างตรงข้ามกับฅนทำงานเดิมเลย คงทำงานด้วยกันไม่ได้
เรื่องลบ ติดไว้ก่อนนะฮะ (ถ้าจะลบต้องไปใช้คอมพ์ที่บ้าน)
im ann >>> ผมว่าถ้าคิดจะสมัครเข้าไปคงต้องเตรียมตัวรับการวิจารณ์แบบตรงไปตรงมาด้วยนะฮะ เวลาฟังบางทีก็รู้สึกว่ากรรมการพูดตร๊งตรง แต่บางทีก็รู้สึกว่า เออ ก็จริงของเขานะเนี่ย เวลาดูอะไรแบบนี้ ถ้าเกิดมีใครที่เราแอบเชียร์แล้วเขาเข้ารอบได้เนี่ย เป็นอะไรที่มีอารมณ์ร่วมเอามาก ๆ เลย
-ςω™- >>> พอดีพี่ไม่เคยดู American idol แฮะ ก็เลยไม่รู้ว่าเป็นยังไง เรื่องสอบสัมภาษณ์นี่ ถ้าสัมภาษณ์เข้ามหาลัย มันจะเป็นแบบว่า ยังไงก็รับชัวร์ เว้นแต่จะดูผิดปกติจริง ๆ เพราะงั้น ตอบแบบตาม ๆ เค้าไปน่ะเวิร์คสุด แต่ถ้าเป็นสัมภาษณ์ทุน หรืออะไรบางอย่างที่เอาฅนน้อย ๆ ที่เหลือคัดทิ้ง ตอบอะไรที่ธรรมด ๆ มีสิทธิตกรอบสูงมั่ก ๆ
แต่เอาเข้าจริง ๆ เราก็ไม่รู้หรอกนะว่า ไอ้ที่เราตอบ ๆ ไปจะเหมือนฅนอื่นเค้ารึเปล่า สมัยพี่สัมภาษณ์ บางคำถามคิดว่าตัวเองตอบเจ๋งแล้ว พอปีถัดมาเป็นฅนสัมภาษณ์เสียเอง อ้าว มันตอบแบบนี้เหมือนกันหมดเลยนี่หว่า เลยไม่รู้จะให้คะแนนยังไง แต่ฅนที่เด่น ยังไงมันก็เด่นอยู่ดีนั่นแหละ แม้เจ้าตัวจะไม่ตั้งใจก็ตาม
Pakin_Eid>>> นี่ไปสัมภาษณ์มาที่ไหนจ๊ะเนี่ย? ถ้าเป็นที่อื่นอยากรู้เรื่องโรงเรียนเราก็พอเข้าใจอยู่ โรงเรียนเรามีของแปลกเยอะ (ฮา) รายการของเราที่นี่ถ้าเข้าใจไม่ผิด เอามาจากเมืองนอกทั้งนั้นแหละมั้งฮะ จะดังสู้ต้นตำรับไม่ได้ก็ไม่แปลก แต่ไปนั่งดูแบบนี้ ฅนที่เสียงดี ๆ จริง ๆ มีเยอะมากเลยนา เมื่อกก่อนก็เคยคิดว่าเราเสียงดีเหมือนกัน ไปดูแบบนี้นี่อายม้วนต้วนเลยฮะ
-khao_tu- >>> เหอ ๆ ๆ อย่างข้าวตูยิ้มก็อาจจะรอด แต่ถ้าเป็นพี่ยิ้มไม่แน่ว่ะ คงดูน่ากลัวมากกว่าน่ารอด(ฮา) ปกติแล้วเนี่ย ถ้าเอาแต่ยิ้มอย่างเดียวไม่ตอบอะไรเลยก็เจ๊งเหมือนกันนะฮะ นี่แสดงว่าคำถามอื่นตอบดีด้วยน่ะสิจ๊ะ (อย่างพี่เลี้ยงฟันแคมพ์ได้ไปสัมภาษณ์น้อง ๆ รึเปล่า? พี่ไม่เคยไปสัมภาษณ์เลย แต่คิดว่าน่าจะสนุกดี)
Suchada >>> ขนาดเราดูวันเดียวนะยังชอบเลย นี่ถ้านั่งดูทุกวันคงติดเหมือนบิ๊กเป็นแน่แท้ ดู ๆ แล้วก็สนุกดีนะฮะ ได้เห็นสังคมอีกสังคมนึงเหมือนกัน นี่ถ้ามี AF5 เมื่อไหร่ก็ว่าจะหาโอกาสตามบ้าง
เข้ามาอ่าน
แวะมาทักละกันคับ เคยเป็นkus33คับ
ตอนไปสัมภาษณ์ทุน ก็เจอสัมภาษณ์แบบหนุกหนานพอดูน่ะคับ
ผมก็ยิ้มตลอด พูดโชว์ความมุ่งมั่นไปแล้วเค้าก็ให้เฉยเลย
ตกรอบไปแล้วอันนึงไงพี่ก้อน (ทุน)เดี๋ยวนี้เข้ามหาลัยเขาสัมภาษณ์คัดออกแล้วนะ ประมาณว่า เรียกเข้ามาสัมภาษณ์สูงกว่าจำนวนรับจริงประมาณ 100 เปอร์เซนต์ได้ (บางคณะมากกว่านั้น อย่างที่เคยเห็น รับจริง 120 เรียกมา 300) แต่เอาเข้าจริง ก็เอาคะแนนรอบแรกมาคิดด้วยอยู่ดี สัมภาษณ์ไม่ได้มีผลขนาดนั้น
แหะๆ เข้ามาแอบอ่าน บล็อคเก่าๆ หลังจากหลงเข้ามา แต่บล็อกนี้อยากตอบ ถึงจะโบราณไปหน่อย หวังว่าเจ้าของคงไม่ว่า…เปาเคยเจอคำถามตอนสัมภาษณ์เรียนป.เอก ผอ.บอกว่า ให้คุณพูดอะไรก็ได้ที่จะทำให้เรารับคุณเรียนปริญญาเอกที่นี่ ทีนี้เปาสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ ตอนนั้นก็ตื่นเต้นมาก เพราะอ.ที่ปรึกษาก็มานั่งฟังเราสัมภาษณ์ด้วย แล้วเท่าที่มีประสบการณ์การสอบสัมภาษณ์ ไม่ค่อยมีประสบสการณ์ที่ดีเท่าไหร่ ทำกรรมการหัวเราะท้องคัด ท้องแข็งทุกที ครั้งนี้ก็ไม่พลาด….อ้อ…ลองนึกคำตอบตัวเองก่อน แล้วค่อยอ่านของเปาก็ได้นะ แต่ขอย้ำว่าต้องภาษาอังกฤษนะเปาตอบไปว่า I am a good student who…..บลาๆ จำไม่ได้แล้ว แต่แค่ประโยคแรก ก็ ฮา กันทั้งหมดแล้วค่ะ ทั้ง ผอ. ทั้งที่ปรึกษา แล้วก็กรรมการอีกคน ก็ตอนนั้นเปานึกคำว่าขยันไม่ออกนี่นา…จริงๆควรใช้คำว่า work hard, diligent, etc ก็เราเป็นนักวิจัย นักเคมี ถ้าไม่ขยันทำแลป แล้วจะให้ทำอะไรล่ะจริงไหม….ปัจจุบันจบแล้ว แต่กลับไปนึกทีไร อายทุกที