เดอะ สตาร์

Posted: February 4, 2008 in Nitade and Entertainment

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมกลับบ้านครับ แล้วพอดีคุณแม่เปิดทีวีค้างไว้ ตอนแรกผมเองก็ไม่ได้สนใจอะไร นั่งทำงานไปเรื่อย ๆ สักพักก็ทนความเย้ายวนของหน้าจอไม่ไหว ลุกขึ้นมาดูครับ

 

รายการที่ดูวันนั้นคือ เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ซีซั่น 4

 

จริง ๆ ผมไม่เคยดูรายการนี้มาก่อนเลยครับ รู้แต่ว่าเป็นรายการที่ประกวดร้องเพลง แล้วก็มีคอมเมนเตเตอร์มาวิพากษ์วิจารณ์ ตัวฅนวิจารณ์ผมก็ไม่รู้จัก รู้จักแต่พี่ม้าฅนเดียว แล้วก็รู้จักนักร้องที่แจ้งเกิดกับเวทีนี้แค่ไม่กี่ฅน เช่น บี้เดอะสตาร์ เอ็มเดอะสตาร์ อาร์เดอะสตาร์ อะไรเทือก ๆ นี้ (ไม่มีนักร้องหญิงบ้างเรอะ?)

 

ที่ดูไปไม่ใช่ช่วงที่มีการแข่งขันครับ เป็นแค่ช่วงคัดเลือกรอบแรกของภาคกลาง (ภาคอื่น ๆ จะเอามาให้ชมวันหลัง)

 

 

การคัดเลือก ก็จะให้ไมโครโฟนครับ แล้วเข้าไปสัมภาษณ์กับคณะกรรมการทั้งสามทั่น (ก็ที่เป็นคอมเมน์เตเตอร์นั่นแหละครับ) ร้องเพลงสด ๆ ให้ฟัง แล้วก็พูดคุยนิดหน่อย คัดเหลือ 13 ฅน รอบสองเป็นการร้องเพลงกับเปียโน แล้วก็ประกาศผล

 

ส่วนตัวแล้วผมเคยทั้งเป็นผู้ถูกสอบสัมภาษณ์ แล้วก็ผู้สัมภาษณ์นะครับ การสัมภาษณ์แต่ละครับ ก็จะมีการให้คะแนนแล้วแต่ว่าเราจะเอาฅนที่ได้ไปทำอะไร ถ้าเป็นในกรณีนื้ ก็จะเอาฅนที่ผ่านไปร้องเพลง ก็คงจะเน้นที่การร้องการเต้นเป็นหลัก

 

ส่วนที่น่าสนใจสำหรับผมก็คือ รายการเค้าก็จะตัดสลับกันครับ มีการสัมภาษณ์ฅนก่อนเข้าห้อง แล้วก็มีตัดไปดูตอนที่สัมภาษณ์โดยคณะกรรมการบ้าง ตอนร้องเพลงบ้าง แล้วก็มีการสัมภาษณ์หลังรู้ผลบ้าง (คือสัมภาษณ์เสร็จก็รู้ผลเลยครับ เป็นอะไรที่ไวมาก ๆ)

 

แต่จากประสบการณ์ที่เคยสัมภาษณ์ชาวบ้านมาเนี่ย มันจะรู้ผลเลยจริง ๆ นะครับ ไม่ต้องสัมภาษณ์นานด้วยซ้ำ แค่คุยกันไม่กี่ประโยค เราก็พอบอกได้แล้วว่า ฅน ๆ นี้จะผ่านหรือไม่

 

อย่างในรายการนี้เองก็เหมือนกันครับ ฅนสัมภาษณ์เยอะมาก ๆ แต่พอให้ร้องเพลง เราก็จะพอบอกได้ว่า ฅนนี้น่าจะผ่าน หรือว่าไม่น่าจะผ่าน เพราะว่าฅนเสียงดีกับเสียงไม่ดีนักเนี่ย มันพอดูออกครับ

 

อันนี้เป็นการสัมภาษณ์เพื่อร้องเพลง มันก็ดูง่ายหน่อย แต่ถ้าเป็นสัมภาษณ์อย่างอื่น ฅนที่กรรมการจะสะดุดใจแล้วให้คะแนนมาก มักเป็นฅนที่ แตกต่างจากฅนอื่นครับ ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร ถ้ามีฅนที่ตอบคำถามเหมือน ๆ กันสิบฅน แล้วฅนที่สิบเอ็ดตอบไม่เหมือนชาวบ้านเค้า ไม่ว่าจะตอบออกมาดีหรือไม่ดีก็ตาม แต่ถ้าตอบแล้วมันดูต่าง ยังไงกรรมการก็ต้องสะดุด แล้วก็ให้ใคร่ครวญการให้คะแนนมากขึ้นแน่ ๆ

 

แต่ทำอย่างไรถึงจะดูแตกต่างจากฅนอื่น อันนี้ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ เพราะเวลาเราไปสัมภาษณ์จริง ๆ ก็ไม่รู้หรอกว่าฅนอื่นจะตอบอะไรบ้าง ไอ้ที่คิดว่าตอบออกมาแปลกแล้ว แหวกแล้ว ฅนอื่นอาจจะตอบเหมือน ๆ เราก็ได้ (แต่บางทีมันก็อยู่ที่คาแร็คเตอร์เหมือนกันนะครับ ผมเคยไปสัมภาษณ์เข้าชมรมวิเทศสัมพันธ์ที่คณะ ตอบคุยกันก็ไม่รู้หรอก แต่พอออกมาจากห้องสอบ คุยกับรุ่นพี่ที่เป็นคณะกรรมการแล้ว ถึงเพิ่งรู้ว่า เราตอบประหลาดอยู่ฅนเดียว)

 

ทริคอีกอย่างหนึ่งก็คือ กรรมการจะชอบใช้วิธีกดดัน จะพูดตรง ๆ ตำหนิ ต่อว่า หรือสร้างบรรยากาศเคร่งเครียดครับ ไม่ได้มีเจตนาจะพูดจาทำร้ายกันตรง ๆ แต่ทำไปเพื่อที่จะดูปฏิกิริยาของเรา เท่าที่ผมดูในรายการ ส่วนใหญ่เวลาเจอกรรมการวิจารณ์โหด ๆ เข้าไปก็จะเกิดอาการฝ่อ ร้องไห้บ้าง หัวฟัดหัวเหวี่ยงออกมาบ้าง หรือไม่ก็หน้าเสียบ้าง แต่บางฅนที่ยิ้มหัวเราะร่า หรือมีทัศนคติเชิงบวกมาก ๆ ผมว่าเป็นผม ผมก็จะให้คะแนนฅนนี้สูงนะฮะ (เพราะว่าต่อไปถ้าไปเป็นดารานักร้อง น่าจะต้องมีทักษะในการรับแรงกดดันแบบนี้มาก ๆ)

 

อย่างเช่นตอนสัมภาษณ์ ก็มีฅนถามว่า น้องเป็นเกย์รึเปล่า? โหย ตอนฟังคำถามครั้งแรกผมสะดุ้งเลยครับ ดูมันจาบจ้วงมิใช่น้อย แต่ฅนตอบไม่สะทกสะท้านเลยครับ หัวเราะ แล้วก็เล่าให้ฟังซ้ำไปด้วยว่า ไม่แปลกใจเลยที่ถามแบบนี้ เพราะขนาดแม่ผมยังสงสัยเลยฮะ(ฮา) ยังเคยมาบอกเลยว่า ไม่ว่าลูกจะชอบเพศอะไร แม่ก็ยังรักลูกเสมอนะ(ฮา)

 

ตอนที่ประกาศว่าน้องฅนนี้ผ่านเข้ารอบ ผมไม่แปลกใจเลยครับ (ร้องก็ใช้ได้ เต้นก็ดี แม้จะไม่เด่นจากฅนอื่นอย่างเห็นได้ชัด แต่พอเจอทัศนคติบวก ๆ แบบนี้เข้าไป ผมว่าก็น่าจะผ่านอยู่หรอก)

 

ฅนสัมภาษณ์เยอะมาก แต่เวลาที่ตัดต่อเอามาน้อย เค้าก็จะเลือกเฉพาะฅนที่มีคาแร็คเตอร์ที่น่าสนใจมาครับ ทั้งฅนที่ผ่านและฅนที่ไม่ผ่าน บางฅนก็หน้าตาดีมาก หุ่นดีมาก (เอื้อก) แต่ร้องไม่ดี ก็ไม่ผ่าน บางฅนก็เซลฟ์มาก ๆ ตอนสัมภาษณ์มั่นใจสุด ๆ แต่เวลาตกสัมภาษณ์ก็ฟูมฟายจะเป็นจะตายเหมือนกัน บางฅนก็มีประวัติที่น่าสนใจ เช่นเป็นโรคเลือดมาก่อน (ธาลัสซีเมีย) เพิ่งหายขาด หยุดเรียนไปเป็นสิบปี เข้ามารายการนี้เพราะใฝ่ฝันมานาน ตามดูตั้งแต่ตัวเองยังป่วยอยู่ ฯลฯ นั่งดูอยู่ 1 ชม. เค้าถ่ายทำเจาะฅนที่มาสัมภาษณ์นาน ๆ จริง ๆ ก็สิบกว่าฅนเองครับ (ฅนที่ผ่านรอบแรกบางฅน ยังฉายให้เห็นแว้บ ๆ เองเลย)

 

ก็ไม่แปลกใจหรอกนะครับ ผมเคยสัมภาษณ์รุ่นน้องที 30-40 ฅน ฅนที่มีคาแร็คเตอร์หลุดกรอบไปแบบที่น่าสนใจจริง ๆ มีไม่กี่ฅนหรอก ส่วนใหญ่ที่เข้ามานั่ง พูดไปได้สองสามแอะ ก็แทบจะเชิญไปโต๊ะอื่นแล้ว ถ้าบุคลิกไม่แตกต่างไปจากฅนอื่น ๆ คะแนนก็จะไม่แตกต่างไปจากฅนอื่น ๆ ด้วยครับ

 

ที่น่ารำคาญนิดหน่อยก็ตรงที่ว่าเค้าจะพยายามเลือกฅนแบบเมโลดราม่ามาให้เราดู แบบที่ร้องไห้น้ำตาเจียนหยด สะอึกสะอื้น เอามาให้ดูอยู่นั่นแล… แต่ผมก็พอเข้าใจนะฮะ เพราะว่าถ้าเอาฅนที่ตอบคำถามแกน ๆ พูดไปแกน ๆ ร้องเพลงก็งั้น ๆ ก็คงไม่น่าสนใจ ถ้ามีเนื้อเรื่อง มีอารมณ์ร่วม ก็ดูดีกว่าเยอะ (แม้จะเฟ้อไปหน่อยก็เหอะ)

 

ตัวแทนของภาคกลางที่ผ่านไปมี 6 ฅน (มั้ง) ครับ ที่จะต้องไปแข่งต่อกับภาคอื่น ๆ อีก ที่ผมเชียร์ตอนนี้ก็มีอยู่สองฅนครับ คือ กุญแจซอล ป่านทอง เป็นลูกดารา ตอนที่สัมภาษณ์ ก็มีฅนถามเหมือนกันว่าเป็นลูก…รึเปล่า เจ้าตัวก็ยอมรับ แต่ก็บอกว่า ไม่อยากให้เอาภาพไปเปรียบเทียบกับพ่อแม่ อยากให้ดูความสามารถมากกว่า กุญแจซอลนี่ เสียงดีมากครับ เป็นผู้หญิงเสียงห้าว แล้วก็อิมเมจแบบผู้หญิงเท่ ๆ (ส่วนตัวแล้วผมชอบผู้หญิงเสียงต่ำ ดูทอมนิด ๆ แบบนี้นะฮะ) ดูไปดูมา ผมว่า เหมือนพลอย-อรุณ(พหุ) มาก ๆ เลย

 

อีกฅนคือออร์แกนครับ ฅนนี้ก็เสียงดีมาก ร้องเพลงคลาสสิคมาก่อน เสียงโอเปราเลยครับ แต่ว่าอยากร้องเพลงป๊อบมาก แต่ว่าคุณแม่ไม่ยอม อยากให้ร้องเพลงคลาสสิคมากกว่า ที่มาสัมภาษณ์เนี่ย ที่บ้านไม่รู้เรื่องเลย พอผ่านสัมภาษณ์ก็น้ำตารื้นเลยครับ บอกว่านี่ตั้งใจมาก เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ถ้าไม่ผ่านก็จะยอมไปร้องคลาสสิคแบบที่ทางบ้านต้องการ แล้วพอผ่านเนี่ย ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะบอกที่บ้านยังไง .. ดูแล้วก็เชียร์อยากให้ได้เข้ารอบลึก ๆ เลยฮะ

 

โดยรวมแล้วก็สนุกดีครับ ที่ได้เห็นรีแอ็คชั่นของฅนหลาย ๆ ฅนเวลามาสอบสัมภาษณ์ หรืออย่างตัวกรรมการเอง มีฅนคอยบอกว่าโหดบ้างล่ะ ปากจัดบ้างล่ะ แต่ผมว่า ถ้าเรารู้ทริคแล้วว่า กรรมการจะเล่นยังไง จะกดดันอย่างไร หรือว่ายิงคำถามมาแบบนี้เพื่อต้องการทดสอบอะไรเรา ฯลฯ แล้วล่ะก็ ผมว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจมากเลยนะครับ

 

ช่วงนี้ก็มีโอกาสที่จะต้องไปสัมภาษณ์ชาวบ้านเค้าเหมือนกัน เห็นแล้วก็ตื่นเต้นน่าดู สำหรับรายการนี้ ถ้ามีโอกาสก็คงหาเวลาดูอีกแหละครับ

 

เพิ่มเติม**

ส่วนนี้เพิ่งมาเพิ่มทีหลังครับ

พูดถึงการสัมภาษณ์ กับคำตอบประหลาด ๆ แล้วก็นึกถึงกรณีของตัวเองได้ สมัยผมอยู่ชมรมวิเทศสัมพันธ์จะมีการสัมภาษณ์สมาชิกใหม่ คำถามที่ผมคิดว่าเป็นคำถามประหารเลยก็คือว่า ‘คุณคิดว่ามีคุณสมบัติอะไรพิเศษที่ฅนอื่นไม่มี ที่จะทำให้เราเลือกคุณรึเปล่า?’ เวลาถามคำถามนี้ไป น้อง ๆ ก็จะเหวอไปเลย ตอบไม่ค่อยจะถูก อ้อม ๆ แอ้ม ๆ ถ้ามีใครสักฅนพยายามตอบมาเช่น ‘เอ่อ ผมคิดว่า เพราะผมอยากเป็นส่วนหนึ่งของชมรมนี้มั้งครับ’ ก็จะโดนสวนกลับไปว่า ‘แล้วฅนอื่นไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งของชมรมนี้เหรอฮะ?’ หรือว่า ‘เอ่อ อาจจะเพราะหนูเคยทำกิจกรรมอื่นมาบ้างก่อนนะคะ ก็พอมีประสบการณ์ในการทำงาน’ ก็จะโดนสวนกลับไป(เหมือนเดิม)ว่า ‘ฅนอื่นที่มาสมัครเค้าก็เคยทำกิจกรรมกันมาก่อนทั้งนั้นแหละฮะ แค่นี้ไม่ทำให้เราเลือกคุณได้หรอก’

ก็อารมณ์กดดันกันไปแหละครับ ที่ผมเคยถาม แล้วคิดว่าตอบเข้าท่าที่สุด ก็จะประมาณว่า ‘ถึงจะไม่มีอะไรโดดเด่นที่สุดเลย แต่ก็มีคุณสมบัติหลาย ๆ อย่าง เช่น มองโลกในแง่ดี เคยทำกิจกรรมมาก่อน มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ซึ่งถ้าเอามารวม ๆ กันแล้ว ผมคิดว่า ก็น่าจะทำให้พี่ ๆ สนใจในตัวผมบ้างน่ะครับ’ หรืออะไรทำนองนั้น

แต่ตอนที่ผมโดนคำถามนี้ (ดูจะเป็นคำถามสุดยิดที่ถามกันทุกปี) ผมก็นิ่งคิดนิดนึง แล้วก็ตอบอย่างมั่นใจว่า ‘ไม่มีครับ’ ตอนนั้นพี่ที่สัมภาษณ์ก็คงงง ๆ ถามกลับว่า ‘ไม่มีเลยเหรอคะ? ไม่มีอะไรที่น้องเด่นกว่าฅนอื่นเลยเหรอคะ?’ (คงไม่เคยเจอคำตอบแบบนี้) ผมก็ดั๊น ตอบกลับไปว่า ‘จริง ๆ แล้วผมก็มีความสามารถพิเศษบางอย่างเหมือนกัน แต่เนื่องจากว่า ผมเองไม่รู้เลยว่า สมาชิกของชมรมนี้ จริง ๆ แล้วต้องการฅนที่มีคุณสมบัติอะไรบ้าง แล้วพี่ ๆ ก็ไม่เคยบอก ไม่เคยให้ข้อูมลว่า ชมรมนี้เขาทำอะไรกันบ้าง ต้องการฝ่ายไหนบ้าง เพราะงั้น ถึงผมจะมีความสามารถพิเศษอะไร เช่น ผมบอกว่าผมเล่นโขนได้ ซึ่งฅนอื่น ๆ ไม่น่าจะมี ผมก็ไม่แน่ใจว่า ความสามารถพิเศษของผมจะมีประโยชน์รึเปล่า ผมก็เลยตอบคำถามนี้ไม่ได้ครับ จนกว่าพี่ ๆ จะให้ข้อมูลพวกเรามาก่อนว่า จริง ๆ แล้วพี่ ๆ ต้องการฅนแบบไหนเข้าไปในชมรมกันแน่’

ตอนนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองตอบห่วยเป็นบ้าเลยครับ แต่เพิ่งมารู้เอาหลังจากนั้นว่า ตัวเองตอบประหลายกว่าชาวบ้านเค้า ก็หลังจากสอบสัมภาษณ์แล้วไปกินข้าวด้วยกัน แล้วพี่ที่อยู่ที่โต๊ะสัมภาษณ์นั้นก็เดินมาแซวว่า คำตอบน้องเนี่ย กวนประสาทพี่เป็นบ้าเลยว่ะ(ฮา) แล้วถัดจากนั้นปีนึง พอผมเป็นฅนสัมภาษณ์บ้าง ก็รู้เลยว่า ไม่มีใคร(บ้า)ตอบแบบที่ผมตอบเลยจริง ๆ

จนถึงตอนนี้ก็ยังนึกไม่ออกเลยครับ ว่าถ้าเราไปเจอคำถามนี้ (ซึ่งเป็นไปได้สูงว่าอาจจะได้เจออีก ถ้าไปสัมภาษณ์งาน หรืออะไรแนว ๆ นี้) เราจะตอบอย่างไรดี? ทุกท่านคิดว่าจะตอบคำถามนี้อย่างไรดีล่ะครับ? เอาแบบว่าฅนสัมภาษณ์จุก พูดอะไรไม่ออก สวนกลับมาไม่ได้เลยนะ (ฮา)

 

Comments
  1. Rata says:

    ไม่เคยดูเลย เดอะสตาร์ แต่ว่าเท่าที่อ่านจากบล้อกพี่ก้อนแล้วน่าสนใจดีเหมือนกัน การดูรายการนี้อาจจะทำให้เราเรียนรู้ที่จะวางตัวอย่างพอดีๆเหมาะสม มองโลกในแง่ดี ใจเย็น พร้อมรับกับทุกสถานการณ์ มั่นใจในตัวเองระดับที่เหมาะสม มุ่งมั่น
     
    พี่ก้อนหนูว่าหนูเริ่มเนิร์ดจริงๆแล้วแหละ ดูภาษาที่หนูเขียนนนนนนนนนนนนนนซี่ หรือว่าไม่ค่อยได้พูดไทยมากนะ!!

  2. May-ya says:

    +++ 5555 เมตอบว่า "ไม่มีค่ะ" เหมือนกันอ่ะพี่ก้อน ตอนนั้นในใจก็นึกอยู่เหมือนกันว่าเฮ่ย ตอบอะไรไปวะ แต่สติมันน้อยเกินกว่าจะฉุดความบ้าส่วนตัวอะค่ะ 55555
    แล้วคนถามก็สถานการณ์เดียวกันกับพี่ก้อนอ่ะค่ะ ว่าอึ้งไป แล้วก็ถามว่าทำไมถึงคิดแบบนั้น เมก็บอกว่า เพราะเมไม่ได้รู้จักคนอื่นๆที่มาสัมภาษณ์ด้วย ไม่รู้ว่าเค้ามีอะไรบ้าง เรามีอะไรบ้าง คนเรามันก็มีความพิเศษอยู่ในตัวกันทุกคน ดังนั้นคนทุกคนพิเศษจึงพิเศษ และแตกต่างเหมือนกันหมด
     
    +++ ขวางโลกได้อีก แปลกใจอยู่เหมือนกันที่ไม่โดนคัดออก 55555

  3. Jang says:

    แวะมาเยี่ยมก้อนก่อนค่ะไม่ค่อยมีเวลามาอ่านมาก  ถึงอยากอ่านแค่ไหนก็เหอะ ติดไว้ก่อนนะสำหรับเอนทรี่เก่าๆ(แต่เข้าใจมะ..เอนทรี่แต่ละอันของเธอ  ชั้นต้องอาศัยพลังมากมายในการตอบ..555)ไม่เคยดู เอ้ย ไม่ใช่สิ เคยผ่านตาแต่ไม่เคยดูจริงๆจังๆเลยคอมเมนท์ไม่ได้เคยดูรายการพวก reality shows รู้สึกว่า ไม่ใช่เรา  เคยดู survivor เครียดมาก (ทั้งๆที่เรื่องในชีวิตจริงมันก็เป็นแบบนี้)ดูคนหักหลัง ทรยศ และแสดงจิตสำนึกในการเอาตัวรอดแบบNegative สุดๆแต่มันเป็นเรื่องจริง ผู้ที่อยู่รอดต้องทำทุกอย่างเพื่ออยู่รอดคงเพราะชีวิตจริงพี่ต้องเจอเรื่องแบบนี้ทุกวันมั้ง เลยเหนื่อยหน่ายที่จะูุอะไรที่ฉายซ้ำๆกับเรื่องที่เราเจอ..555รายการพวกคัดนักร้อง หรือ นักแสดง ประเภทthe star or AF พี่ไม่ได้ดู เพราะไม่ชอบหนึ่ง ไม่มีเวลาอีกหนึ่งที่เป็นเหตุผลใหญ่คุณแม่กะคุณพ่อชอบดู ดูเสร็จจะวิพากษ์กันว่าเด็กคนไหนมีความเก่ง ความฉลาดและไหวพริบยังไงพี่ว่าคงต้องหาเวลาดูบ้างแล้วล่ะ เผื่อมันจะมีมุมมองอะไรใหม่ๆตอนนี้ติดซีรีย์ Prison break คนข้างๆถามตลอดว่า พวกเอเอฟ เดอะสตาร์มันเครียดมากกว่าเรื่องนี้รึไงวะ แกถึงไม่ดู..ฮา(ป่าว…ข้าพเจ้าชอบพระเอก…^_^   Michael Scofield>>>link ไว้ให้ดูนะเผื่อมีเวลาเคยโดนสัมภาษณ์งานเจอคำถามแบบก้อนพี่เตรียมไว้เลย…ดิฉันเขียนไว้ในใบสมัครแล้วและคิดว่าความสามารถพิเศษอื่นๆมันการันตี ความสามารถในการให้การพยาบาลไม่ได้เลย ถ้าคำถามนี้คิดว่าความสามารถพิเศษจะช่วยในการให้การพยาบาลหรือช่วยโรงพยาบาลนี้ได้ คงจะเป็นตรงที่มันแสดงให้เห็นถึงความอดทน และพยายามในการเรียนวิชาพิเศษเหล่านี้ในระหว่างเรียนวิชาพิเศษและวิชาชีพไปพร้อมๆกันซึ่งจะพอแสดงให้เห็นได้ว่าดิฉันมีความอดทนและรับผิดชอบในสิ่งที่ทำให้สำเร็จลุล่วงพอทั้งนี้ พวกคุณมีเวลาถึงสามเดือนสามารถพิสูจน์ความสามารถในการทำงานของดิฉันว่าจะทำงานให้ได้คุ้มค่าอย่างที่คุณต้องการและดิฉันอวดอ้างหรือเปล่า….จดคำถาม-ตอบนี้ให้รุ่นน้องด้วยนะ หลังจากนันหลายร.พ.คงเจอคำตอบซ้ำๆแบบนี้แหล่ะ ..^_^ส่วนคำถามเรื่องความโดดเด่นเป็นพิเศษ พี่จำได้ว่าเคยบอกแนวๆนี้ คือพยายามโยนให้รับก่อนแล้วคอ่ยดูว่าโดดเด่นหรือเปล่าแต่ที่เด็ดกว่าคือ แผนก VVIP (มีวีอีกตัวไม่ผิดค่ะ) ที่ร.พ.แห่งหนึ่งตอนเรียกรอบสองเจอคำถามนี้ตอบไปว่า ถ้าไม่โดดเด่นเป็นพิเศษ ดิฉันมั่นใจว่า ทางโรงพยาบาลจะไม่เรียกสัมภาษณ์รอบสองก๊ากกก  มั่นใจตัวเองสุดๆ (ได้นะเออ.ทำอยู่สองเดือน  ลาออกก่อน เซ็งพวกไฮโซ)น้องๆที่จะไปสัมภาษณ์งาน คำถามพวกนี้ต้องเจอ พยายามคิดไว้ก่อนแล้วหาคำตอบที่ดูดีที่สุด คิดว่าเขาจะถามคำถามอะไร ลองถามพี่ๆที่ถูกสัภาษณ์ว่าเจอคำถามแปลกๆหรือเปล่า แล้วลองตอบในแบบของเราดูว่าจะเข้าท่าหรือเปล่า  ซ้อมกับกระจกพี่ว่าจะเรียกความมั่นใจเยอะเลยนะเท่าที่ถูกสัมภาษณ์และสัมภาษณ์เอง  ส่วนใหญ่แล้วที่ได้รับคัดเลือก ต้องมั่นใจและนอบน้อม  อันหลังนี่สำคัญ กล้าจนไม่งาม เก่งยังไงก็ไม่มีทางได้งานเดิมและงานปัจจุบันมันต้องอาศัยอะไรหลายอย่างที่เป็นปัจจัยในการเลือก บางคนที่เก่งที่สุดก็ไม่ได้รับเลือก เพราะเราต้องการคนทำงานไม่ใช่คนเก่ง (โง่เล็กๆพอใช้งานได้ไม่เรื่องมาก)บางคนเป็นคนดี คนเก่ง แต่ไม่ถูกเลือก เพราะ ถ้าเลือกมา จะกลายเป็นตัวพิจารณาระหว่างเรากับเขา  อย่าลืมว่าถ้าทำงานบริษัท ไม่มีใครสนใจว่าเราทำงานดีแค่ไหน นานเท่าไหร่ เมื่อมีตัวเลือกมากขึ้น และไม่เรียกร้องอะไรเพิ่ม นั่นเป็นตัวอันตรายสำหรับเรา>>>แย่เนาะ ดูเลวๆไงไม่รู้ถึงว่าไง พี่ไม่ชอบดูรายการอะไรพวกนี้ เพราะชีวิตจริงๆ  มันล้นแล้วขอบคุณที่นึกถึงน้องๆค่ะ  พี่ไม่เจอก้อนนานแล้วเพราะตื่นไม่ัทันวัดเช้า ของขวัญดองไว้ที่บ้านน่ะค่ะมีของคุณป้าด้วย กะรวบให้ตอนตรุษจีน วาเลนไทน์และสงกรานต์เลยดีมะ…ประหยัด..555

  4. Jang says:

    เฮ้ย…กดทีเดียวลบออกหน่อยนะก้อน

  5. khajirat says:

    เพิ่งดูกะเค้าครั้งแรกเหมือนกันตอนคืนวันอาทิตย์ รู้สึกจะเป็นรอบของภาคอิสาน ปกติไม่ดูนะ
    แต่วันนั้นไม่มีอะไรจะดู ..จริงๆดูแล้วก็ดีนะ แอบน้ำตาซึมๆเชียร์กับเค้าด้วย เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเพื่อนๆกับอ.ที่ภาควิชาถึงติดกัน
     มันเป็นเรียลลิตี้ที่ดีตรงที่ มีก่อนและหลังสัมภาษณ์ด้วย ทำให้เรารู้จักคนที่เข้าสัมภาษณ์มากขึ้นและรู้สึกได้ถึงความคาดหวังของเค้าและครอบครัวขึ้นมาเลย(ถึงได้ร้องไห้ได้เวลาคนที่เราแอบให้กำลังใจมันเกิด"ผ่าน"ขึ้นมา)
    คำถามที่ว่าจี้ใจดำสุดๆน่ะมันดูไม่โหดเพราะจริงๆกรรมการมีคำแนะนำดีๆให้ด้วย ก็เลยดูไม่แย่มาก ไม่ได้สักแต่ว่าถามเพื่อให้อายอย่างเดียวถ้ามองในแง่ดีหน่อย จริงๆคนที่เข้าสัมภาษณ์แบบนี้ได้อะไรมากมายทีเดียว
     
    เคยโดนถามคำถามแบบนี้เหมือนกันก็ตอบว่า"อืม… ไม่มีค่ะ"(เพราะตอนนั้นนึกไม่ออกจริงๆว่าคนสัมภาษณ์ต้องการอะไรแบบที่ก้อนว่าล่ะ)
    "^^… จริงๆมันขึ้นอยู่ว่าเรารู้รึปล่าวว่าผู้ที่เข้าสัมภาษณ์นั้นต้องการอะไร เราก็จะได้ตอบให้มันตรงน่ะนะ
    คำตอบที่ดีที่สุดเท่าที่เคยตอบมาก็คือ "เป็นนักฟังที่ดี และชอบช่วยเหลือคนอื่นเสมอ" ตอนนั้นเคยไปสอบสัมภาษณ์ อาสาสมัครสึนามิน่ะ 
    (แต่ถ้าตอบให้ดูแย่หน่อยก็คงประมาณว่า เป็นนักฟังที่ดีแต่มักจะพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แถมยังชอบเสือกเรื่องชาวบ้านอีก ฮ่าๆๆๆ)
     

  6. Chayanin says:

    ไม่เคยดูครับ แต่ฟังๆดูแล้ว ก็น่าจะใกล้เคียงกับ American Idol อยู่ไม่น้อยยังไม่มีโอกาสสัมภาษณ์อะไรมากเท่าไหร่ ก็มีแค่เรื่องมหา’ลัยเนี่ยแหละ ผ่านมาอันนึง หลุดมาอันนึง.. ไม่รู้เหมือนกันว่า ที่สัมภาษณ์ๆไป มันมีผลแค่ไหน (แต่อันที่หลุดน่าจะมีพอสมควร)จริงๆเรื่องตอบแหวกแนวนี่ คนที่ตอบแกนๆ ไม่โดดเด่น ก็อาจจะมีเหตุผลเหมือนกัน คือ เป็นพฤติกรรมแบบฝูงน่ะครับ คือ เลือกที่จะตอบไม่เด่น เพราะผิดเหมือนคนอื่น ก็ยังพอได้ลุ้น แต่ถ้าคนอื่นดีแล้วเราเด่นแบบแย่ อาจจะหลุดไปเลย (อันนี้ขึ้นอยู่กับเปอร์เซนต์การผ่านด้วย ถ้าร้อยละต่ำหน่อย ก็ควรจะวางเดิมพันกับการทำให้เด่น อย่างในกรณีที่พี่ก้อนพูดมาทั้งหลาย)ไว้มีสัมภาษณ์อะไรคราวหน้า จะลองสังเกตดูปล. กลอนในบลอกจินนี่คนละอันกันครับ อันนี้พยายามให้เหมือนแต่งตอบจินนี่

  7. Pakin_Eid says:

    ค้นฟ้าคว้าดาว ซีซั่น change ^^"
    แอบรู้สึกว่า คนไทยยังร้องได้ไม่ดีเท่าทีควรอะคับ ชอบ อเมริกา Idol มากก่า  คนที่ร้องดังมาถึงเมืองไทยเชียนะคับ  ทีคนไทยthe star ไม่เหนดังไปทั่วโลกอย่างเขาบ้างเลย  เชนวอร์ดก็รู้สึกมาจากรายการอะไรประเภทนี้เหมือนกาน และอีกหลายๆคนที่ขาพเจ้าปลื้มมมมมมม
     
    เหอๆ ตอนผมสัมพาสนี่ เขาถามแต่เรื่องสาธิตเกษตร -.- แอบงงว่าสงสัยมากเลยหรือคับอาจาน  ตอนแรกๆก็จ้อๆเป็นภาษาอังกิดดีๆ มาหลังๆเอ๋อออออออออออพูดไม่ออก ความคิดหยุดเป็นห้วงๆเหมือนซีดีที่มีรอยขูดขีด
     
    ปล.ตอบยังไงก็โดนสวนกลับมาทุกคำถามเลย  ใช้ใหลไปตามน้ำผมว่าเวิร์คสุด หุหุ
     
     

  8. katachi says:

    เวลาสัมภาษณ์ ที่รู้คือ เค้าถามอะไร
      ยิ้ม
    ตอบไม่ได้ คิดไม่ออก
      ยิ้ม
    กรรมการทำหน้าเครียด
      ยิ้ม
              ส่วนใหญ่ก็รอดนะเออ

  9. gibt says:

    เฮือก ดูคอมเมนต์แล้วเขียนกันเก่งได้อีก
     
    ขอมาลงชื่อว่าอ่านแล้วนะจ๊ะ
     
    ตอนนี้กำลังหัวฟูอยู่
     
    ปกติไม่เคยดู Reality Show อย่างจริงจังจนมาติดนัทต้อล 555+
     
    ต่อจากนี้ก็จะไม่ดูแล้วเพราะรักสองคนนี้หมดใจ เป็น fc อย่างเหนียวแน่นไปเสียแล้ว
     
    ความจริงดูๆไปแล้วมันก็ได้อะไรดีๆกลับมาคิดนะ หรือแม้กระทั่งการพรีเซนต์ตัวเองอย่างที่มษฐาเขียนก็เป็นอะไรที่เอาไปใช้ได้จริงเหมือนกัน

  10. ก้อน Masatha says:

    Pum+PiM+ >>> โฮ่ เนิร์ด ๆ แหละดี กะลังอินเทรนด์เลย รตาอยู่นู่นได้ดูทีวีบ้างรึเปล่าจ๊ะ? แต่พี่ว่า อย่างที่นั่นก็น่าจะมีรายการอะไรประเภทนี้เหมือนกัน
     
    *+ SailorMay +* >>> เฮ้ย ตอบเหมือนกันเลยอ่ะ นึกว่าจะไม่มีฅนตอบเหมือนกับเราซะแล้ว (ฮา) ขวางโลกแบบนี้แหละดี กรรมการชอบ (แต่ก็แล้วแต่กรรมการนะ แต่ถ้าเป็นพี่ พี่ชอบฅนที่ตอบอะไรแหวก ๆ แบบนี้นะเอ้อ)
     
    ¤°•TwïѬ߱┢┦ømë•°¤ >>> เคยดู survivor เหมือนกันครับ เครียดได้อีก ทำไมชีวิตถึงได้หม่นซัวขนาดนั้น (แต่ชอบตัวกิจกรรมนะฮะ ผมว่ามันมีไอเดียดี) รายการประเภทคัดดารานักร้อง อันนี้ไม่ค่อยมีเวลาเหมือนกันครับ อีกอย่าง เวลาดูแล้วจะรู้สึกว่า ร้องก็ธรรมดา เต้นก็ไม่ได้เก่งมาก จะกรี๊ดกร๊าดกันไปทำไม(วะ)
    พอมาดูจริง ๆ ถึงได้รู้ว่า อารมณ์มันต่างกัน เราไม่ได้เชียร์ดารา แต่เหมือนเชียร์เพื่อนที่เรารู้จักประมาณนั้นมากกว่า
    คำตอบพี่แจงเจ๋งดีฮะ ผมเป็นฅนสัมภาษณ์คงอึ้งไปเลยทีเดียวเชียว (แต่ถ้าไม่มีความสามารถพิเศษอะไรเลย คงฮาน่าดู)
    เวลาคัดฅนแบบนี้ยากครับ บางทีเราไม่ได้ต้องการฅนเก่ง ๆ แต่เราต้องการฅนที่คิดอะไร ๆ เหมือนทีมงานมากกว่า ถ้าเก่ง แต่คิดทุกอย่างตรงข้ามกับฅนทำงานเดิมเลย คงทำงานด้วยกันไม่ได้
    เรื่องลบ ติดไว้ก่อนนะฮะ (ถ้าจะลบต้องไปใช้คอมพ์ที่บ้าน)
     
    im ann >>> ผมว่าถ้าคิดจะสมัครเข้าไปคงต้องเตรียมตัวรับการวิจารณ์แบบตรงไปตรงมาด้วยนะฮะ เวลาฟังบางทีก็รู้สึกว่ากรรมการพูดตร๊งตรง แต่บางทีก็รู้สึกว่า เออ ก็จริงของเขานะเนี่ย เวลาดูอะไรแบบนี้ ถ้าเกิดมีใครที่เราแอบเชียร์แล้วเขาเข้ารอบได้เนี่ย เป็นอะไรที่มีอารมณ์ร่วมเอามาก ๆ เลย
     
     
    -ςω™- >>> พอดีพี่ไม่เคยดู American idol แฮะ ก็เลยไม่รู้ว่าเป็นยังไง เรื่องสอบสัมภาษณ์นี่ ถ้าสัมภาษณ์เข้ามหาลัย มันจะเป็นแบบว่า ยังไงก็รับชัวร์ เว้นแต่จะดูผิดปกติจริง ๆ เพราะงั้น ตอบแบบตาม ๆ เค้าไปน่ะเวิร์คสุด แต่ถ้าเป็นสัมภาษณ์ทุน หรืออะไรบางอย่างที่เอาฅนน้อย ๆ ที่เหลือคัดทิ้ง ตอบอะไรที่ธรรมด ๆ มีสิทธิตกรอบสูงมั่ก ๆ
    แต่เอาเข้าจริง ๆ เราก็ไม่รู้หรอกนะว่า ไอ้ที่เราตอบ ๆ ไปจะเหมือนฅนอื่นเค้ารึเปล่า สมัยพี่สัมภาษณ์ บางคำถามคิดว่าตัวเองตอบเจ๋งแล้ว พอปีถัดมาเป็นฅนสัมภาษณ์เสียเอง อ้าว มันตอบแบบนี้เหมือนกันหมดเลยนี่หว่า เลยไม่รู้จะให้คะแนนยังไง แต่ฅนที่เด่น ยังไงมันก็เด่นอยู่ดีนั่นแหละ แม้เจ้าตัวจะไม่ตั้งใจก็ตาม
     
     
    Pakin_Eid>>> นี่ไปสัมภาษณ์มาที่ไหนจ๊ะเนี่ย? ถ้าเป็นที่อื่นอยากรู้เรื่องโรงเรียนเราก็พอเข้าใจอยู่ โรงเรียนเรามีของแปลกเยอะ (ฮา) รายการของเราที่นี่ถ้าเข้าใจไม่ผิด เอามาจากเมืองนอกทั้งนั้นแหละมั้งฮะ จะดังสู้ต้นตำรับไม่ได้ก็ไม่แปลก แต่ไปนั่งดูแบบนี้ ฅนที่เสียงดี ๆ จริง ๆ มีเยอะมากเลยนา เมื่อกก่อนก็เคยคิดว่าเราเสียงดีเหมือนกัน ไปดูแบบนี้นี่อายม้วนต้วนเลยฮะ
     
     
    -khao_tu- >>> เหอ ๆ ๆ อย่างข้าวตูยิ้มก็อาจจะรอด แต่ถ้าเป็นพี่ยิ้มไม่แน่ว่ะ คงดูน่ากลัวมากกว่าน่ารอด(ฮา) ปกติแล้วเนี่ย ถ้าเอาแต่ยิ้มอย่างเดียวไม่ตอบอะไรเลยก็เจ๊งเหมือนกันนะฮะ นี่แสดงว่าคำถามอื่นตอบดีด้วยน่ะสิจ๊ะ (อย่างพี่เลี้ยงฟันแคมพ์ได้ไปสัมภาษณ์น้อง ๆ รึเปล่า? พี่ไม่เคยไปสัมภาษณ์เลย แต่คิดว่าน่าจะสนุกดี)
     
    Suchada >>> ขนาดเราดูวันเดียวนะยังชอบเลย นี่ถ้านั่งดูทุกวันคงติดเหมือนบิ๊กเป็นแน่แท้ ดู ๆ แล้วก็สนุกดีนะฮะ ได้เห็นสังคมอีกสังคมนึงเหมือนกัน นี่ถ้ามี AF5 เมื่อไหร่ก็ว่าจะหาโอกาสตามบ้าง

  11. Mayteewat says:

    เข้ามาอ่าน

  12. patipan says:

    แวะมาทักละกันคับ เคยเป็นkus33คับ
    ตอนไปสัมภาษณ์ทุน ก็เจอสัมภาษณ์แบบหนุกหนานพอดูน่ะคับ
    ผมก็ยิ้มตลอด พูดโชว์ความมุ่งมั่นไปแล้วเค้าก็ให้เฉยเลย
     

  13. Chayanin says:

    ตกรอบไปแล้วอันนึงไงพี่ก้อน (ทุน)เดี๋ยวนี้เข้ามหาลัยเขาสัมภาษณ์คัดออกแล้วนะ ประมาณว่า เรียกเข้ามาสัมภาษณ์สูงกว่าจำนวนรับจริงประมาณ 100 เปอร์เซนต์ได้ (บางคณะมากกว่านั้น อย่างที่เคยเห็น รับจริง 120 เรียกมา 300) แต่เอาเข้าจริง ก็เอาคะแนนรอบแรกมาคิดด้วยอยู่ดี สัมภาษณ์ไม่ได้มีผลขนาดนั้น

  14. Chantiga says:

    แหะๆ เข้ามาแอบอ่าน บล็อคเก่าๆ หลังจากหลงเข้ามา แต่บล็อกนี้อยากตอบ ถึงจะโบราณไปหน่อย หวังว่าเจ้าของคงไม่ว่า…เปาเคยเจอคำถามตอนสัมภาษณ์เรียนป.เอก ผอ.บอกว่า ให้คุณพูดอะไรก็ได้ที่จะทำให้เรารับคุณเรียนปริญญาเอกที่นี่ ทีนี้เปาสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ ตอนนั้นก็ตื่นเต้นมาก เพราะอ.ที่ปรึกษาก็มานั่งฟังเราสัมภาษณ์ด้วย แล้วเท่าที่มีประสบการณ์การสอบสัมภาษณ์ ไม่ค่อยมีประสบสการณ์ที่ดีเท่าไหร่ ทำกรรมการหัวเราะท้องคัด ท้องแข็งทุกที ครั้งนี้ก็ไม่พลาด….อ้อ…ลองนึกคำตอบตัวเองก่อน แล้วค่อยอ่านของเปาก็ได้นะ แต่ขอย้ำว่าต้องภาษาอังกฤษนะเปาตอบไปว่า I am a good student who…..บลาๆ จำไม่ได้แล้ว แต่แค่ประโยคแรก ก็ ฮา กันทั้งหมดแล้วค่ะ ทั้ง ผอ. ทั้งที่ปรึกษา แล้วก็กรรมการอีกคน ก็ตอนนั้นเปานึกคำว่าขยันไม่ออกนี่นา…จริงๆควรใช้คำว่า work hard, diligent, etc ก็เราเป็นนักวิจัย นักเคมี ถ้าไม่ขยันทำแลป แล้วจะให้ทำอะไรล่ะจริงไหม….ปัจจุบันจบแล้ว แต่กลับไปนึกทีไร อายทุกที

Leave a reply to khajirat Cancel reply