รุ้งกลางคืน

Posted: May 27, 2008 in Nitade and Entertainment

 

I เกริ่น

รุ้งกลางคืนเป็นหนังสั้นครับ กำกับโดยน้องชายของผม (ย้ำกันอีกที โอเรียนนิเทศจุฬา ภาคฟิล์ม) หนังสั้นเรื่องนี้เป็นโปรเจคท์สุดท้ายก่อนจบ ซึ่งจะฉายในงานกางจอปีนี้ครับ บทภาพยนตร์ปรับแต่งมาจากเรื่องa wonder boy ผลงานเขียนของ kazumi yamashita (ผู้เขียนเรื่อง ป๋ายานางิซาวา) ชื่อตอนว่า ยูริกะ ครับ

โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่ค่อยแน่ใจนะฮะว่าทำไมโอถึงชอบตอนนี้ แต่เจ้าตัวบอกว่า พอเอามาทำเป็นหนังแล้วจะสนุกมาก เพราะเล่นอะไรได้เยอะ ผมก็นึกตามไม่ค่อยทัน แต่ก็คิดว่า สารที่ผู้เขียนแฝงในเรื่องค่อนข้างเข้าใจยากทีเดียว(ขนาดผมอ่านการ์ตูนหลายรอบ ยังตีความไม่เหมือนกับน้องเลย) ถ้าทำเป็นหนังแล้ว ฅนดูดูไม่รู้เรื่อง ผมก็ไม่แปลกใจเลย หนังเป็นเรื่องของโลกสองโลกครับ โลกภายนอก กับโลกในจิตใจ…เล่าเท่านี้ดีกว่า เดี๋ยวจะสปอยล์ซะหมด อิอิอิ

 

IIแคสต์

 

สองเดือนก่อน โอก็มากระมิดกระเมี้ยนถามว่า ปิดเทอมพี่ก้อนว่างป่ะ? ผมก็มองหน้า มีอะไรเรอะ

วันเสาร์นี้จะมีแคสต์ตัวละครในหนังโอน่ะ ว่างรึเปล่า?

ฟังแล้วก็รู้ทันทีเลยว่า หานักแสดงไม่ได้ ผมเองรู้ว่าน้องจะทำเรื่องนี้ตั้งนานแล้วฮะ เท่าที่อ่านจากการ์ตูนก็คิดว่าบทยากพอสมควร

ตัว wonder boy มันเด็กกว่านี้ไม่ใช่เหรอ น่าจะสักม.ต้นนะ

อ๋อ อันนี้ปรับอายุใหม่น่ะ แล้วก็มีปรับบทเพิ่มด้วยให้มันเป็นหนังมากขึ้น

อ้อ แล้วที่คิดไว้นี่ พระเอกจะเป็นประมาณไหนเหรอ

ก็อย่างมาริโอ้(รักแห่งสยาม)นะ ถ้าอันนั้นคาแร็คเตอร์ก็ตรงเป๊ะ ๆ เลย

โห นี่ให้ก้อนมาเล่นแทนมาริโอ้เลยเหรอ (ปลื้ม)

เปล่าหรอก ถ้าเป็นมาริโอ้มาเล่น โอจะปรับบทให้เป็นเทวดา ส่วนถ้าเป็นพี่ก้อน… จะเปลี่ยนให้เป็นยมฑูตแทน

………

 

 

วันแคสต์ก็ลากจินนี่ไปครับ จริง ๆ ก็คิดว่าไม่น่าจะได้อยู่แล้วนะฮะ เพราะจินนี่เองก็คาแร็คเตอร์ไม่ตรงกับนางเอกเลย ส่วนผมเอง วันนั้นน้องได้ข่าวมาว่า อเล็กซ์(พระเอกหนังเรื่อง 12) จะมาแคสท์ อเล็กซ์มันก็หน้าไทป์เดียวกับมาริโอ้เหอะ คาแร็คเตอร์ตรงโคตร ๆ

 

แต่ก็สนุกดีครับ ได้ลองทำอะไรที่ไม่ลองทำดู วันนั้นก็จะมีการถ่ายรูป 4 มุม (คล้าย ๆ ถ่ายเวลานักโทษจะเข้าคุก) แล้วก็พูดคุยคาแร็คเตอร์กับทีมงาน แล้วก็ให้ลองแสดงสดดู เท่าที่ทำก็สนุกดี วันนั้นแคสต์เสร็จ ก็แรด ๆ ไปงานหนังสือแห่งชาติต่อฮะ กลับมาจากงาน เรื่องที่แคสต์ก็เลือนหายไปจากความทรงจำ…

 

III เวิร์คช็อป

สุดท้ายก็มีวันนึงที่โอโทรมาบอกว่า พี่ก้อน ตกลงอเล็กซ์เค้าแคนเซิลไปแล้วนะ พี่ก้อนคงต้องแสดงแล้วล่ะ

 

เออ ก็ดีเหมือนกัน (ชีวิตตัวสำรอง “- –)

 

แล้วนางเอกเป็นใครล่ะ?

ชื่อเล็ก…เคยเล่นโฆษณาเคนโด้ด้วย (ว่าแต่เคนโด้นี่มันคืออะไรวะ? อ๋อ ชื่อขนมน่ะ… “- – ก็ยังไม่รู้จักอยู่ดี)

 

ก่อนจะถึงวันถ่ายทำ ก็มีการเวิร์คช็อปกันก่อนครับ เป็นคอร์สสั้น ๆ ให้ทำความรู้จักกับนักแสดงด้วยกัน เวลาเล่นจริงจะได้ไม่เขิน แล้วก็เรียนรู้การแสดงให้เป็นธรรมชาติ ไม่เกร็ง

 

วันเวิร์คช็อปก็ไปทำที่บ้านมีมี่กันครับ มีแอคติ้งโค้ชคือบีม (เพื่อนโอ) เจอหน้านางเอกก็วันนั้นแหละ

 

เวิร์คช็อปสนุกดีครับ เริ่มต้นด้วยการคลายกล้ามเนื้อ เกร็งแล้วผ่อน มีการทลายกำแพงความแปลกหน้าโดยให้เลียนแบบท่าทางของอีกฝ่าย

 

แล้วก็มีฝึกการแสดงอารมณ์ เช่นให้เดินก้าวหนึ่งแล้วพูดว่าฉันร้อน/ฉันหนาว โดยต้องแสดงท่าทางให้เห็นว่าร้อน/หนาวมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่ก้าว หรือพูดว่าฉันรักเธอ/ฉันเกลียดเธอ ด้วยน้ำเสียงที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มีการเล่นเกมตบมือกัน(ตบจนมือแดง) ฯลฯ

 

วันที่สองเป็นการอ่านบท แล้ววิเคราะห์ตัวละครครับ พยายามวิเคราะห์ไปทีละซีน ๆ ว่าตอนนี้ตัวละครรู้สึกอย่างไร คิดอะไรอยู่ ทำไมถึงทำแบบนี้ เวลาเล่นหนังกับโอ โอจะพยายามเค้นให้เราคิดครับ คิดไปเรื่อย ๆ อะไรที่ไม่ได้บอกไว้ก็คิดหมด ดูเปิดกว้างดีครับ แต่ก็แอบทะเลาะกันหลายรอบเวลาความคิดเห็นไม่ตรงกัน(ทั้ง ๆ ที่มันพยายามจะบอกว่าคิดมาเหอะ ไม่มีผิดหรอก แต่ก็เถียงกันได้ทุกที) วันนั้นเล่นเอาปวดหัวเลยฮะ เพราะแต่ละซีนมันไม่ได้มีแค่อารมณ์เดียว เช่น ไม่มีโกรธ เกลียด เดี่ยว ๆ แต่จะมีอารมณ์ปนประมาณสิบอารมณ์เห็นจะได้ เช่น พูดสั้นๆ  สามคำว่า จริงเหรอะ?เนี่ยแหละ แต่มีทั้งอารมณ์ ประหลาดใจ ขยะแขยง ปิดกั้นตัวเอง สับสน ฯลฯ

 

แล้วเวลาเล่นจริงชั้นจะทำได้มั้ยเนี่ย?

 

IV แต่งเนื้อแต่งตัว

พูดถึงการแสดงก็ต้องมีชุด มีการปรับรูปลักษณ์ให้เหมาะสมใช่ไหมครับ วันก่อนหน้าถ่ายไม่กี่วัน โอก็เอาชุดมาให้ลอง เป็นกางเกงขาเด็ปสีดำ เสื้อยืดคอห่าน รองเท้าหนัง แล้วก็เสื้อสีดำตัวนอกเป็นผ้านิ่ม

 

ผมที่ยาวรุงรังก็ไปตัดออก(โอออกค่าตัดผมให้ด้วย ใจป้ำมาก ๆ) ส่วนเคราไม่ต้องทำอะไร โอสั่งให้ไว้ตั้งแต่รู้ว่าต้องมาเล่นแล้ว ก็ครบสามอาทิตย์พอดี มันก็ยาวพอใช้ได้

 

ที่เพิ่มเข้ามาก็คือลูกกะตาครับ ไปซื้อคอนแทคเลนส์สีมาใส่ สีที่เลือกเป็นสีเทา พอใส่ให้โอดูแล้วเจ้าตัวก็ชอบ บอกว่า เออดี ดูไม่ใช่มนุษย์ดี(ตกลงมันชมใช่ป่ะเนี่ย?)

 

V ถ่ายทำ

วันถ่ายจริงมีอยู่สามวันครับ

 

วันแรกเป็นซีนกลางวัน ถ่ายทำที่โรงเรียน (ก็ที่สาธิตเกษตรนั่นแหละ เพราะงั้นถ้าเห็นหอนาฬิกาอันคุ้นเคยอยู่ในฉากก็ไม่ต้องประหลาดใจ)

การถ่ายหนังนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ สำหรับผมเองจะมีปัญหามาก ซีนง่าย ๆ แค่พูดคำสองสามคำยังล่อเข้าไปตั้ง 6-7 เทค กระทั่งแค่ฉากหันตัว ยังหันแล้วหันอีก หันแล้วหันอีกเพราะว่าทำแล้วมันดูไม่เป็นธรรมชาติ

 

นอกจากปัญหาเรื่องเกร็ง เวลาแสดงดูไม่เป็นธรรมชาติแล้ว ผมมีปัญหาเรื่องการตีความ กับการแสดงอารมณ์ฮะ เพราะตีความไม่ตรงกับผู้กำกับอยู่เรื่อง (ผู้กำกับก็ชอบบอกให้คิดเอง ๆ แต่เวลาเล่นแล้วคิดไม่ตรงกันก็ต้องทำตามที่ผู้กำกับคิดอยู่ดี -*-) อีกเรื่องก็คือการแสดงระดับอารมณ์ ยากมากเลยที่จะให้ออกมาพอดี เช่นเวลาพูดเสียงนิ่มไป ก็จะโดนบอกให้พูดให้หนักแน่นขึ้น แต่พอปรับให้หนักขึ้น ก็จะกลายเป็นการพูดกระโชก ซึ่งไม่ใช่อีก

 

ไม่ได้ยากแค่การแสดงนะครับ ขนาดแค่ปรับน้ำเสียงก็ล่อเข้าไปหลายเทค เล่นเอาท้อไปหลายรอบ

 

ส่วนน้องเล็กเล่นคล่องมากครับ คาแร็คเตอร์ส่วนตัวดูเป็นฅนนิ่ง ๆ เรียบร้อยนะฮะ แต่พอเล่นจริงต้องทำตัวสดใสร่าเริง น้องก็ทำได้เนียนมาก ๆ เทคเดียวผ่านฉลุยตลอด ขนาดซีนยากที่สุดของเรื่อง ก็ใช้แค่สองเทค ผมละนับถือจริง ๆ

 

เล่นคราวนี้ครั้งเดียวพอเลยครับ รู้ตัวเลยว่าไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นนักแสดงเอาเสียเลย

 

อีกเรื่องที่อยากพูดถึงก็คือ กองถ่ายนึงนี่ใช้ตำแหน่งเยอะมากครับ เมื่อก่อนผมคิดว่ามีแค่นักแสดงกับผู้กำกับ แต่ชีวิตจริงเราต้องมีฝ่ายมากกว่านั้น เช่น

 

มีฝ่ายคอสตูม ดูแลเสื้อผ้าของนักแสดงทั้งกอง ทั้งตัวแสดงนำ และตัวประกอบ รวมถึงเอากลับไปซัก รีด พูดถึงคอสตูม เวลาถ่ายทำมันจะถ่ายเป็นซีน ๆ แล้วค่อยมาตัดต่อที่หลัง ไม่ได้ไล่เรียงไปตามเนื้อเรื่องใช่ป่ะฮะ เรื่องชุดเนี่ยบางทีก็มีปัญหาเพราะว่าถ้าไม่ละเอียดจริง ๆ เวลาตัดต่อมันจะดูหลอกตาเช่น

 

ชุดของผม ซีนที่ถ่ายทำวันแรกจะต้องคุกเข่า แล้วก็เลอะดิน แต่ว่า ซีนที่ถ่ายทำวันที่สอง ในหนังจะเป็นช่วงก่อนที่คุกเข่า เพราะงั้นกางเกงต้องสะอาด (พูดง่าย ๆ ก็คือต้องเอากลับไปซักใหม่) หรืออย่างของนางเอก วันแรกก็ผูกโบสีนึง พอวันที่สอง แต่งตัวเสร็จ ก็มีใครสักฅนทักขึ้นมาว่า เอ๊ะ เมื่อวันก่อนผูกโบไม่ใช่เหรอก็เลยต้องตาลีตาเหลือกหาโบมาผูกให้เหมือนกับวันก่อน ไม่งั้นเวลาตัดต่อหนังออกมาแล้ว ซีนต่อกันแท้ ๆ (ตามท้องเรื่อง) อันนึงผูกโบ แต่ซีนถัดมาโบหายไปเฉย ๆ คงตลกแย่

 

ขนาดน้ำดื่มที่นางเอกถือ ถ่ายทำฅนละวันกัน ก็ยังมีฅนทักว่า เอ๊ะ วันก่อนไม่ใช่ขวดน้ำยี่ห้อนี้นี่นาแล้วก็นึกไม่ออกว่าวันก่อนหน้านั้นนางเอกถือขวดอะไร สุดท้ายผู้กำกับก็ตัดบทว่า ไม่เป็นไร ฅนละฉาก ถือว่านางเอกกินน้ำเก่งแล้วซื้อขวดใหม่มาก็แล้วกัน(ฮา)

 

นอกจากนี้ยังมีฝ่ายจัดแสง ถ้าเป็นในร่มก็ต้องเอาหลอดไฟมาวางตามจุดต่าง ๆ เรื่องไฟนี่ก็เป็นปัญหามากครับ ต้องระวังไม่ให้เกิดเงา เวลาเปลี่ยนจุดถ่ายทีก็ต้องเปลี่ยนไฟที เรียกได้ว่าใช้เวลาไม่น้อยสำหรับการจัดไฟ ในกรณีที่เป็นการถ่ายทำกลางแดด ก็ต้องมีฅนมาคอยวัดไฟที่หน้าเทียบกับแบ็คกราวน์ แล้วก็มีการเปิดรูของกล้อง (ฟังเค้าพูดกันไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน) ซึ่งอันนี้ก็เป็นปัญหามาก เพราะเวลาถ่ายทำทีมันใช้เวลานาน บางซีน(ตามท้องเรื่อง) เวลาห่างกันไม่กี่วินาที แต่เวลาถ่ายทำจริงเป็นชั่วโมง ๆ นึกภาพว่าเริ่มถ่ายตอน 7 โมงเช้า ไปจนถึงเที่ยงสิครับ ความจ้าของแดดต่างกันลิบลับ ถ้าไม่ปรับให้ดี ไอ้ซีนเวลา(ตามท้องเรื่อง) ต่างกันไม่กี่วินาที แต่ความสว่างจะโดดออกมาจนหลอกตา

 

รายละเอียดเยอะจริง ๆ นะเนี่ย

 

ยัง ๆ เท่านั้นยังไม่พอ ต้องมีกองสวัสดิการ ดูแลอาหารและน้ำให้กับฅนทั้งกอง มีฅนดูแลเอ็กซตร้า(ตัวประกอบ) แล้วยังต้องคอยกันฅนไม่ให้เดินไปเดินมาแล้วเข้าไปในฉาก (ในหนังเหมือนกับมีฅนอยู่แค่สองฅน แต่จริงๆ  แล้วมีฅนวิ่งไปวิ่งมาเต็มไปหมด แค่กันไม่ให้เข้ามาในกล้องเท่านั้นเอง)  มีฝ่ายพร็อพ หรืออุปกรณ์ประกอบฉาก (เรื่องนี้ใช้เลือดปลอมเยอะ ก็ต้องคอยเอาเลือดมาสาดตามเสื้อ หรือตามจุดต่าง ๆ ในฉาก…แน่นอนว่าพอถ่ายทำเสร็จก็ต้องมาตามล้างตามเช็ดให้สะอาดด้วย) พูดถึงอุปกรณ์ คราวนี้มีเอฟเฟ็คปืนกับระเบิดด้วยครับ อยากจะบอกว่าของจริงเสียงดังมากฮะ เวลาปืนลั่นทีถ้าไม่อุดหูละก็ เล่นเอาหูอื้อเลย

 

มีฝ่ายคุมเวลา จับเวลา เพราะว่าถ่ายด้วยกล้องฟิล์ม ต้องคอยจับเวลาว่าถ่ายไปกี่นาทีแล้ว แล้วฟิล์มเหลือเท่าไหร่ ถ้าซีนมันยาวมากแล้วฟิล์มไม่พอก็ต้องโหลดฟิล์มใหม่ ถ้าไม่จับเวลาไว้จะเกิดการถ่ายทำไปโดยไม่มีฟิล์มซึ่งเป็นเรื่องบั่นทอนยิ่งนัก

 

ยังมีฝ่ายเสียงที่คอยคุมเสียง ยื่นไมค์ให้เข้าปากนักแสดงโดยที่ต้องไม่โผล่เข้ามาในกล้อง แล้วก็ต้องคอยบอกว่าตอนนี้มีเสียงแทรกอะไรอยู่ (เช่นมีเสียงเครื่องบินผ่าน มีเสียงก่อสร้างในโรงเรียน) ซึ่งถ้ามันดังมากก็ต้องหยุดถ่ายทำ หรือว่ารอให้เสียงเงียบก่อน ไม่งั้นเสียงมันจะไปโผล่แทรกในหนังทำให้รบกวนบทพูดของนักแสดง (แต่ถ้าเป็นซีนที่ถ่ายไม่เก็บเสียงก็สบายหน่อย)

 

มีฝ่ายกล้องที่คอยจัดกล้องตามที่ผู้กำกับสั่ง ปรับมุมต่าง ๆ ถ่ายภาพระยะใกล้ กลาง ไกล (ผู้กำกับจะไม่ได้ดูที่กล้องนะฮะ จะดูภาพรวม จริง ๆ แล้วต้องมีมอนิเตอร์ดู แต่กองนี้ไม่ได้หรูขนาดนั้น) สุดท้ายก็เป็นฅนตีเสลท ที่เวลาเห็นในเบื้องหลังประมาณว่า ฉากที่หนึ่ง เทคสอง แอ๊คชั่น!’ อะไรประมาณนั้น ทำนองว่าจะต้องมีบอกไว้ว่านี่ถ่ายฉากไหน ๆ เพื่อที่เวลาตัดต่อจะได้ไม่งง

 

สุดท้ายก็เป็นฝ่ายดูแลนักแสดง ทุกครั้งก่อนถ่ายก็จะมีผู้ช่วยผู้กำกับมาบอกว่าซีนนี้เป็นซีนอะไร จะถ่ายด้วยอารมณ์ไหน ต้องการให้ภาพออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งยอมรับว่าถ้าไม่มีนี่งงตายเลยครับ เพราะเวลาถ่ายทำจะสลับฉากไปสลับฉากมา แถมบางทีเป็นฉากเดียวกันแต่มุมกล้องเปลี่ยนไปอีก เวลาถ่ายก็ไม่ได้ถ่ายยาว ๆ เป็นนาที บางทีถ่ายแค่ซีนกระพริบตาสองสามหน หรือพูดแค่สองคำ ถ้าไม่มีฅนบอกว่า ตอนนี้จะถ่ายฉากนี้นะ ๆ ต้องพูดประโยคนี้ ๆ ถึงประโยคนี้นะ คงทำให้ชีวิตลำบากขึ้นจมเลยครับ

 

รวม ๆ แล้วการถ่ายทำก็สนุกดีครับ วันแรกถ่ายแค่ตอนกลางวัน วันที่สองถ่ายตั้งแต่ 7 โมงกว่าจนถึงตี 4 ของอีกวัน เล่นเอาน็อคไปเลยสามวันติด (ช่วงนั้นใครโทรมาบอกว่ามีงานอะไรผมถึงไม่ไปเลยฮะ เป็นช่วงก่อนงาน con ด้วย) วันสุดท้ายถ่ายแค่ซีนกลางคืน

 

เป็นอะไรที่ยุ่งยากพอสมควรครับ ขนาดผมไปแค่เป็นนักแสดง แค่เห็นตอนถ่ายทำยังรู้สึกซับซ้อนขนาดนี้ นี่ยังไม่นับช่วงเตรียมงาน จองสถานที่ หานักแสดง เขียนบท เตรียมของประกอบฉาก ไปจนถึงกระบวนการหลังการถ่ายทำ ทั้งตัดต่อ ใส่เสียงประกอบ ถ่ายซ่อม ใส่เอฟเฟคท์ ฯลฯ เรียกได้ว่ากว่าจะมาเป็นหนังหนึ่งเรื่อง (ที่เราวิพากษ์วิจารณ์กันสนุกปาก) ก็เป็นอะไรที่ทรหดอดทนไม่น้อยทีเดียว

 

สุดท้ายก็ดีใจนะฮะที่ได้มีส่วนร่วมในหนังครั้งนี้ เท่าที่ฟังข่าวล่าสุดดูเหมือนว่าจะมีปัญหาทำให้ถ่ายทำได้ไม่ครบ ต้องตัดต่อไปเท่าที่มี แต่สำหรับงานนี้แล้ว อาจจะเป็นงานกำกับสุดท้ายในชีวิตของน้องชายผมก็ได้ (ฅนจบนิเทศเอกภาพยนตร์มีเยอะมากในแต่ละปีฮะ แต่มีแค่ไม่กี่ฅนเท่านั้นที่ได้เป็นผู้กำกับสมใจ มากกว่า 90% ก็ไปทำงานอื่นกันหมด) ขอบคุณที่โอให้โอกาสมีส่วนร่วมในหนังสั้นครั้งสุดท้ายนะฮะ (อยู่มา 4 ปี เพิ่งมีครั้งนี้แหละที่ให้พี่ชายช่วยเป็นครั้งแรก)

 

จะมีการฉายหนังนี้ที่งานกางจอของนิเทศปลายเดือนนี้ครับ มีฉายตั้งแต่วันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ นี้ (30 พฤษภาคม 1 มิถุนายน) เมื่อวานซืนแม่ผมโทรมานัดให้ไปดูวันเสาร์ตอนเที่ยงครึ่ง (หนังทั้งหมดจะฉายจบในวันเดียวฮะ เพราะงั้นไปดูวันไหนก็ได้) คราวนี้นอกจากผมแล้ว แม่ผมก็แสดงด้วย น้องชายผมก็แสดงด้วย (ขาดแต่พ่อฅนเดียว) ไปดูคราวนี้ก็แทบจะได้เห็นทั้งครอบครัวอยู่บนจอละฮะ (แต่แสดงฅนละเรื่องกันนะครับ) ถ้าเข้าใจไม่ผิด น่าจะฉายที่นิเทศจุฬา ห้องเทียมฯ (อยู่ตรงนิติจุฬา ข้าง ๆ สามย่านน่ะครับ

 

แล้วผมจะรอดู

 

ปล. MV เพลงดาราดับแสงของโอห์ม (วง Cocktail) ครับ น้องชายผมเป็นหนึ่งในทีมงานด้วย (อัพโหลดตั้งนานแล้วล่ะฮะ แต่เพิ่งมีโอกาสดู เอามาลงแค่ครึ่งเดียวนะครับ ไม่ได้ทั้งเพลง) –à http://www.youtube.com/watch?v=WvLpTxkyJg0

Comments
  1. EIG says:

    อยากดูอะครับ แต่คงไม่ได้ไป ทำไงดีครับ

  2. Jinnipar says:

    อยากดูเหมือนกันค่ะ
     
    ไปวันนั้นกะไปกินข้าวพี่ก้อนเลี้ยงเฉยๆ 5555

  3. Chayanin says:

    อ่า น่าดูจังครับ

  4. Jang says:

    อืม…พี่ไม่ได้เล่นสเปซนานขนาดนี้เลยเหรอก้อนอัพไปหลายเอนทรี่…อ่านไม่ทันอ่ะ..-_-"อยากดูจังก้อน..สงสัยได้แค่อยาก..มีทางอื่นที่จะดู ทองปาน ทั้งครอบครัว(ขาดแต่พ่อคนเดียว) ไหมคะแวะมาทักก่อนนะ เดี๋ยวแยกร่างออกจากงานได้แล้ว  จะมาอ่านเอาเรื่อง อีกทีนะ

  5. May-ya says:

    +++ อ๊ะเพิ่งจะหน้าใสเเท้ๆ
     
    +++ ชื่อหนัง attrative ม๊ากกก ตอนเมเขียนบทหนัง ก็รู้สึกได้ถึงความไร้ประสบการณ์ขั้นรุรนเเรง ฮ่าๆๆๆๆ เห็นเเล้วก็เซ็งไปเลยอ่า

  6. Rata says:

    Interesting to know the detail of making a film.
    (I met P’O at school, too. He said that P’Gon had gone. T-T)

  7. katachi says:

     ฝากบอกพี่โอทีนะคะว่า วันหลังถ้าไม่มีนางเอก เดี๋ยวหนูเล่นให้ก็ได้
     
         55555555555555 พูดเล่น!

  8. - ChAn says:

    อยากแคสนางร้ายด้วยอะ มีมะ..ฮ่าๆ กลับมาไทยละเด๋วจะแวะไปดูแน่นอนน วู้วว พี่ก้อนไม่ได้โกนเคราใช่มะ ถ้าโกนไม่ไปดู..คิด         ถึง

  9. khajirat says:

    ได้ความรู้ดีแฮะ.. เอนทรี่นี้
    ไปดูมานะ แต่ไม่จบ ไม่ได้ดูที่ก้อนแสดง(พึ่งเข้ามาอ่าน.. เสียดายT_T)
    ส่วนเอ็มวีดูแล้ว ภาพสวยดี โหวตให้แล้วด้วย (เคยบอกไปยังนะ ว่าเพลงนี้ทำทำนองดีเลยอ่ะ เป็นกำลังใจให้ๆ)

  10. ก้อน Masatha says:

    im ann >>> ๕๕๕๕ ไม่ได้มาดูน่ะดีแล้วครับ (น่าอายเล็ก ๆ) เรื่องเอ็มวี บอกโอมแล้วนะครับ โอมฝากขอบคุณมากด้วยฮะ ^^
    ChAn* >>> จวงไม่ต้องแคสก็เล่นบทนางร้ายได้เนียนอยู่แล้วจ้า(อิอิ) คิดถึงเช่นกันนนนน
    -ฆ่าวฏู–>>> กร๊ากกก ฝากบอกแล้วจ้า โอบอกว่า วันหลังจะหาบทดี ๆ ให้ อุอุอุ
    Pum+PiM+ >>> โอ๊ย มาคราวนี้รตาเลยไม่ได้เจอพี่เลยเนอะ… เสียดาย ๆ
    + MadeLine +* >>>กร๊ากกก อยากอ่านบทหนังของเมย์บ้างจัง… ว่าแต่ว่า พี่จะอ่านรู้เรื่องรึเปล่าหว่า?????(ฮา)
    ¤°•TwïѬ߱┢┦ømë•°¤ >>> โอ้ว ไม่ได้เจอพี่แจงนานมากครับ แล้วจะรอพี่แจงมาเมนท์นะฮะ ^^ (แต่เอนทรี่หน้าคงเข้าทางพี่แจงมากกว่าเยอะเลย -ฮา-)
    Touchapol Saranurak,ป่าน, หลิน, จินนี่ >>> อ่า จะพยายามเร่งโอให้นะครับ(คาดว่าน่าจะได้ดูนะ แต่อาจจะช้าหน่อย)

  11. eminy says:

    ผ่านมาพอดี อา่นไปอ่านมาอ่าว โอ เพื่อนเรานิ 555+ (คณะเดียวกัน)หนังโอ จำไม่ได้ว่าได้ดูป่าว ชื่อเรื่องไรอะคะ

  12. ก้อน Masatha says:

    Midnight Rainbow จ้า

Leave a reply to khajirat Cancel reply