รักเหมือน รักแตกต่าง

Posted: November 25, 2008 in Love Series

ยังอยู่ในซีรีย์ความรักอยู่นะครับ

เคยคุยกับที่บ้าน (ใช้คำว่าที่บ้าน
เข้าใจตรงกันนะครับว่าหมายถึงใคร
“^^)
ว่าผมรู้สึกโชคดีมาก ๆ เลยนะครับ ว่าฅนที่ชอบมีอะไรเหมือน ๆ กับเราหลายอย่าง
(นอกเหนือจากแนวทางการดำเนินชีวิต) ไม่ว่าจะเป็น รสนิยมเรื่องอาหาร 
เพลงที่ฟัง หนังสือที่อ่าน การ์ตูน หนังที่ชอบ วิชาถนัด-ไม่ถนัด
ครอบครัว ไปจนถึง…นาฬิกาเจ้าคุณปู่ที่บ้าน
หรือแม้กระทั่งเครื่องประดับที่สวมติดมือ ฯลฯ

ที่บ้าน ก็วิจารณ์ว่า เหมือนกันขนาดนี้ คบกันไม่ยืดหรอก(โห คอมเมนท์ได้ชวนทะเลาะมาก ๆ ครับ)


แต่ก็ทำให้ผมนั่งคิดอย่างจริงจังขึ้นมาว่า
จริง ๆ แล้วความรักต้องการอะไรกันแน่? ความเหมือน หรือว่าความแตกต่าง?

***


สมัยอยู่ม. 6 จะมีชั่วโมงกิจกรรมอิสระ
ให้ทำโครงงานอะไรก็ได้ใช่ไหมครับ ตอนเทอมปลาย นึกอะไรไม่ออก ตอนนั้นก็เสนอเพื่อน ๆ
ในกลุ่มว่า ทำแบบสอบถามเกี่ยวกับความรักดิ
! (บ้ารักแต่เด็ก)
แล้วก็หายศีรษะไปสองอาทิตย์เพื่อไปเข้าค่ายสิ่งแวดล้อม


กลับมา เพื่อนแม่งเอาจริงว่ะ! เสนออาจารย์ที่ปรึกษาโครงการเรียบร้อย
แล้วก็เริ่มทำแบบสอบถามเกี่ยวกับความรัก หลัก ๆ ก็คือถามนิยามของความรักแต่ละฅน
แล้วก็ประเมินผลว่า ความรัก การเป็นแฟนกัน การอกหัก
มีผลกระทบกับชีวิตวัยเรียนมากน้อยแค่ไหน (ตอนที่ผมกลับมา แบบสอบถามทำเสร็จแล้วครับ
ผมก็ถามว่า
มึงต้องการจะวัดอะไรเนี่ยคำตอบก็คือ ไม่รู้เหมือนกันว่ะ
รอมึงกลับมาเพื่อประมวลผลนี่หละ กูก็ได้แต่แจก ๆ ให้เพื่อนเขียนแล้วก็เก็บ ๆ
’—
แสรดดดดดดด)

แต่ตอนนั้นก็ทำให้ได้นิยามความรักเป็นของตัวเองนะครับ
ซึ่งก็ค่อนข้างพอใจกับนิยามนั้นพอสมควร


สำหรับผมแล้ว ตอนนั้นผมคิดว่า
ความรักคือการค้นหาส่วนเติมเต็มครับ ประมาณว่า ชีวิตฅนเราจริง ๆ
แล้วมีแค่ครึ่งเดียว หน้าที่ของเราคือการตามหา
ส่วนที่ขาดหายเมื่อใดก็ตามที่เจอ
เราก็จะพบตัวตนของเราอีกฅนหนึ่งในโลกนี้ แล้วเมื่อนั้น ชีวิตเราก็จะสมบูรณ์
(ประมาณว่า แขนของเรากอดตัวเราเองไม่ได้ ต้องหาใครสักฅนมาโอบกอดเรา – เลี่ยนสัด)


***


ผมคิดว่าสิ่งที่ถกเถียงกันมาก ก็คือ จริง
ๆ แล้วฅนรัก ควรจะเหมือนกัน หรือว่าควรจะต่างกัน ถึงจะอยู่ร่วมกันได้?
บางฅนก็บอกว่า ถ้าเหมือนกันทุกอย่างก็เบื่อแย่ ชีวิตไม่มีรสชาติเอาเสียเลย
ในขณะที่ ถ้าแตกต่างกันมาก ๆ ก็ไม่น่าจะอยู่ร่วมกันได้อีก


ผมลองนั่งคิด ๆ ดู
โดยอิงจากนิยามความรักข้างต้นแหละครับ ว่าความรักคือการเติมเต็มชีวิตให้สมบูรณ์
การที่เรามีอะไรเหมือน ๆ กันจะทำให้ชีวิตน่าเบื่อจริงหรือ
หรือการที่แตกต่างกันตจะทำให้ชีวิตน่าสนใจขึ้นจริงรึเปล่า


แล้วก็ได้ข้อสรุปโง่ ๆ
(อาจจะไม่ถูกก็ได้นะครับ แต่ลองอ่านบริหารสมองดู)


ผมแยกชีวิตออกเป็นสองส่วนครับ
คือส่วนที่เป็นรสนิยม กับส่วนที่เป็นส่วนเติมเต็ม


รสนิยม หมายถึง ความชื่นชอบในอะไรบางอย่าง
ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล (ก็แค่ชอบนั่นแหละ) รสนิยมไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้นหรือแย่ลงเพราะเป็นเรื่องเฉพาะตน
ไม่มีใครถูก ไม่มีใครผิด

ในส่วนของรสนิยมนี้ ผมคิดว่า
ยิ่งเหมือนกันยิ่งดีครับ


ผมคิดว่า ชีวิตของฅนที่รักกัน
ควรจะมีความสนใจ
ร่วมกันอะไรบางอย่าง มีเรื่องให้พูดคุยด้วยกันได้นาน ๆ
มีกิจกรรมอะไรที่ทำแล้วทำให้เวลาผ่านไปอย่างมีความสุข ถ้ามีรสนิยมต้องกัน
ก็น่าจะอยู่ด้วยกันได้ดี แต่ถ้าแตกต่างกันมาก ๆ ต่างฝ่ายต่างก็จะมีแต่
โลกส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกัน เช่น
ถ้าฅนนึงชอบดูฟุตบอลมากกกก อีกฅนไม่รู้จักนักฟุตบอลเอาเสียเลย ฅน 11
ฅนไล่ตามบอลลูกเดียวมันสนุกตรงไหน(วะ) ยังงี้ช่วงฤดูบอลโลก ฅนหนึ่งคงมีความสุข
ส่วนอีกฅนคงเป็นช่วงเวลาที่น่าเบื่อน่ะครับ
อาจจะไม่ต้องเหมือนกันขนาดเชียร์ฟุตบอลทีมเดียวกันก็ได้ ถึงจะเชียร์ฅนละทีม
แต่ถ้าชอบดูเหมือน ๆ กันแค่นี้ก็มีเรื่องคุยไม่รู้จบแล้ว


หรืออย่างฅนนึงชอบฟังเพลงลูกทุ่ง
อีกฅนชอบฟังสตริง เวลานั่งในรถก็คงมีปัญหาว่าจะฟังเพลงอะไรละครับ
(ไม่งั้นก็ต้องประนีประนอมด้วยวิธีการอะไรบางอย่าง)


สรุปก็คือ ถ้าเป็นเรื่องของ รสนิยมที่ไม่มีถูกไม่มีผิดล่ะก็ เหมือนไปเถอะครับ
ยิ่งเหมือน (น่าจะ) ยิ่งดี

 


ข้อที่สองก็คือ ส่วนเติมเต็มครับ


อันนี้มีสมมติฐานตรงที่ว่า
มนุษย์เราไม่มีใครสมบูรณ์แบบเลยสักฅน ต่างก็เพรียกหาความสมบูรณ์แบบลึก ๆ ในใจ
ด้วยความที่เรามีข้อบกพร่อง (ซึ่งก็รู้ แต่บางทีก็ทำอะไรไม่ได้)
ทำให้เรามองหาฅนที่จะชดเชยข้อบกพร่องของเราเสมอ


ข้อนี้แตกต่างจากเรื่องของรสนิยมครับ
อันนั้นไม่มีถูกผิด แต่เรื่องของส่วนเติมเต็มนี้ เพราะเราไม่มีในสิ่งที่อยากให้มี
ก็เลยหาฅนที่มีมัน


เช่น เราเป็นฅนไม่ค่อยมีระเบียบ
(ซึ่งก็รู้ตัวเองนั่นแหละ แต่ทำอะไรไม่ได้) ถ้าเจอฅนที่ช่วยให้ชีวิตเรามีระเบียบแบบแผนมากขึ้น
ชีวิตก็คงดี หรือยกตัวอย่างง่าย ๆ ที่บ้านผมก็ได้ครับ คุณแม่ผมไม่ถนัดดูแลบ้าน
ซ่อมรถ ซ่อมของ ก็มีคุณพ่อมาช่วยดูแลให้ทุกเรื่อง
เวลาคุณพ่อไม่อยู่ก็เล่นเอาเสียศูนย์กันไปหมด


ในขณะเดียวกัน
ด้วยอาชีพและคาแร็คเตอร์แบบคุณพ่อ ชาตินี้ทั้งชาติก็คงไม่มีวันนั่งสอนการบ้านลูกได้ทีละข้อ
ชาตินี้ทั้งชาติก็คงไม่สามารถอดทนปลุกลูกทุกเช้าไปโรงเรียน
และไปนั่งคอยเวลาเรียนพิเศษในทุก ๆ วันได้
ซึ่งเรื่องนี้คุณแม่ผมทำได้ไม่มีปัญหาเลย


เพราะฉะนั้นส่วนเติมเต็มนี่ก็เป็นเรื่องสำคัญครับ
เรื่องนี้ถ้าได้ฅนที่แตกต่างจากเราไปก็น่าจะดีกว่า
ถ้าเป็นฅนที่มีข้อบกพร่องอะไรเหมือนเราไปซะหมด ชีวิตคู่มันก็คงจะน่าเบื่อชะมัดยาด


***


สมัยเรียนป.ตรี
เคยมีเพื่อนหญิงที่สนิทกันมากครับ ทำงานด้วยกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง
ทำกิจกรรมด้วยกันแทบทุกอย่าง ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด
(จนเพื่อนในคณะเคยคิดว่าเป็นแฟนกัน)
เป็นฅนที่รสนิยมต้องกันทุกเรื่องครับ เวลาคุยอะไรก็เออออห่อหมก
มองเห็นทุกอย่างเหมือนกันหมด คบกันมานาน ไม่เคยทะเลาะกันเลยแม้สักครั้งเดียว


เรายังเคยคุยกันด้วยซ้ำว่า จริง ๆ
แล้วถ้าเราเป็นแฟนกัน ชีวิตมันคงราบรื่นดีเนอะ
เพราะเราไม่เคยขัดแย้งกันเลยสักครั้ง


ปัญหามีอยู่อย่างเดียวครับ
คือต่างฝ่ายต่างก็ไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นฅน
พิเศษเลย


ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันครับ
แต่ตอนนี้คิดว่าพออธิบายได้เหมือนกัน ถ้าเป็นเรื่องของ
รสนิยม ไม่มีปัญหาเลยครับ คุยกันได้ทุกเรื่อง
มีอะไรที่ชอบเหมือน ๆ กันมากกกกกก


แต่ถ้าเป็นเรื่องของ ส่วนเติมเต็มอันนี้บอดสนิทเลยครับ
เวลาทำงานกลุ่มจะเห็นประเด็นนี้ชัดเจนมาก เวลาทำรายงาน หรือโครงงานอะไรก็ตาม
พอเจอปัญหาขึ้นมา ก็จะตันทั้งคู่ครับ (คือไม่รู้จะแก้ไขยังไง)
เวลาใบ้ก็ใบ้สนิททั้งสองฝ่าย ในทางกลับกัน เวลาอีกฝ่ายมีไอเดียปิ๊ง ๆ อะไรบรรเจิดขึ้นมา
ต่างก็ดันมีขึ้นมาเหมือน ๆ กัน


ทำนองว่า เวลาฉลาดก็ฉลาดพร้อมกัน เวลาโง่
ก็ดันโง่พร้อมกันซะอีก
“- –

เรื่องนี้ผมคิดว่าสำคัญนะครับ
ฅนเราจะรักกันได้ ต้องทำให้อีกฝ่าย
ทึ่ง หรือประทับใจในอะไรบางอย่างที่เรามี แต่ถ้าอีกเวลามีก็ดันมีเหมือนกัน พอไม่มีก็ดันไม่มีด้วยกันทั้งคู่
ก็ไม่น่าแปลกใจที่จะไม่มีแรงดึงดูดอะไรระหว่างเราสองฅนเลย


ถ้าไม่สามารถเติมเต็มส่วนที่ขาดให้กับอีกฝ่ายได้
อยู่สองฅนก็ไม่ต่างอะไรกับการอยู่ฅนเดียวหรอกครับ
…(อ้อ ปัจจุบันเจ้าตัวมีแฟนแล้วครับ เป็นรุ่นพี่ที่ทำงานที่เดียวกันนะครับ
^^)


พอคิดได้แบบนี้ ก็เข้าใจอะไร ๆ
มากขึ้นครับ รวมไปถึงชีวิตที่ผ่านมาด้วยว่า ทำไมผมถึงชอบผู้หญิงแต่ละฅน…
แล้วทำไมแต่ละฅนที่เราน่าจะชอบนะ กลับไม่รู้สึกพิเศษอะไรเลย


มีผู้หญิงหลายฅนที่ทางบ้าน
(ใช้คำว่าทางบ้าน เข้าใจตรงกันนะครับว่าหมายถึงใคร
“^^) บอกว่า เออ น่าสนใจนะ ฅนฅนนี้มีความคิดเป็นของตัวเอง
แม่ว่าเค้าเป็นฅนที่น่าสนใจมาก หลายหนที่ผมเองก็จะตอบกลับไปว่า สิ่งที่อีกฝ่ายคิด
หรือทำ ที่แม่บอกว่าน่าสนใจ ผมผ่านเรื่องนั้นมาแล้วฮะ เพราะงั้นสำหรับผมแล้ว
อะไรที่อีกฝ่ายคิดได้ ผมก็คิดได้เหมือนกัน ก็ไม่ได้ทำให้ผมประทับใจ (เหมือนอย่างที่ที่บ้านประทับใจ)
หรอกนะครับ


***


ผมไม่รู้ว่าเคยมีใครสงสัยแบบผมรึเปล่านะครับ
(อาจจะมีผมฅนเดียวก็ได้ที่เคยคิดเรื่องนี้ขึ้นมา)


…เคยสงสัยกันบ้างไหมครับ
ว่าถ้าตัวเราเกิดมา แต่เป็นเพศตรงข้าม ชีวิตจะเป็นอย่างไร?


ผมเคยสงสัยมานานแล้วครับ
ว่าถ้าตัวเองเกิดมาเป็นผู้หญิง ไม่ได้เป็นผู้ชาย ชีวิตจะเป็นอย่างไรหว่า?


ถ้าเข้ามาเรียนในสาธิตเกษตร
แต่ใส่กระโปรงม่วงแทนที่จะเป็นกางเกง
มษฐาฅนนั้น จะใช้ชีวิต 12 ปีอย่างไรนะ?


จะพูดจะคุย จะเดินเหินอย่างไร
จะมีปฏิสัมพันธ์กับอาจารย์และฅนรอบตัวอย่างไร?

จะมีเพื่อนแบบไหน จะคบกับกลุ่มไหนเป็นพิเศษรึเปล่า?


จะมีลักษณะแบบผู้หญิงมากน้อยแค่ไหน
จะช่างเม้าธ์รึเปล่านะ จะขี้งอนจะแต่งตัวเก่งรึเปล่า? (เพราะมษฐาที่เป็นผู้ชาย
เรื่องแต่งตัวไม่เอาห่วยเลยครับ)


จะได้เป็นหลีดรึเปล่า
(คือตอนเป็นผู้ชายก็ไม่เคยได้เป็น มาเป็นตอนเข้ามหาวิทยาลัย) จะมีแฟนรึเปล่าหว่า หรือจะมีใครมาจีบเราบ้างไหมหว่า?
(มษฐาที่เป็นผู้ชายไม่เคยมีแฟนสมัยเรียนครับ แต่ฅนมาจีบก็พอมีบ้าง)


จะเล่นดนตรีไหม จะรำไทยรึเปล่า หรือจะเปลี่ยนไปชอบเต้นแบบโมเดิร์นแดนซ์แทน
(เพราะตอนเป็นผู้ชายชอบเล่นโขนมาก) จะเล่นกีฬาอะไรไหม (สมัยเรียนเล่นหลายอย่างครับ
แต่เอาดีไม่ได้เลยสักอย่าง)


จะถนัดเรียนวิชาอะไรนะ
จะเรียนสายวิทย์หรือสายศิลป์? ถ้าเป็นสายวิทย์ จะยังมาทางด้านชีวะ
เพราะโง่เลขอยู่รึเปล่า? แล้วถ้าเลือกเข้ามหาวิทยาลัยล่ะ จะเลือกเข้าคณะอะไร?


จะชอบทำกิจกรรมรึเปล่าหว่า?
แล้วจะเลือกทำกิจกรรมประเภทไหน กีฬาสี สาธิตสามัคคี จะมีส่วนร่วมมากน้อยแค่ไหน
จะไปแข่งนู่นแข่งนี่ ร่วมงานนู้นงานนี้รึเปล่า?


จะได้เป็นประธานชมรม
หรือได้ทำงานอย่างที่เป็นรึเปล่านะ?
(เพราะเกษตรสนับสนุนผู้ชายมากกว่าผู้หญิงซะด้วยสิ)


 

แล้วถ้าเรา(ที่เป็นผู้ชาย)
ได้เจอกับฅนฅนนี้….จะเกิดอะไรขึ้น? จะสนิทกันรึเปล่านะ?
จะมองเห็นตัวตนของตนเองในตัวของอีกฝ่ายรึเปล่า?
เวลาคุยกันจะตามความคิดทันกันไหมนะ?

…แล้วจะเกิดอะไรขึ้น
ระหว่างความสัมพันธ์ของเราสองฅน?

 

เรื่องแบบนี้เคยสงสัยมานานมากแล้วครับ
สงสัยจนเลิกสงสัยไปแล้ว เพราะคิดว่าเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะมีใครที่มาแทนตัวเราได้ขนาดนั้น


ณ วันนี้ ผมค่อนข้างประหลาดใจนะครับ เพราะไม่นานมานี้เองคิดว่าเจอฅนที่เหมือนกับตัวเรามาก
ๆ แต่เป็นภาคผู้หญิงแทน ซึ่งผมกับอีกฝ่ายก็ไม่ได้เหมือนกันไปซะทุกเรื่องหรอกครับ (เพราะทั้งสังคม
สภาวะแวดล้อม ห้วงเวลา และอะไรหลาย ๆ อย่างแตกต่างกันไป) แต่ก็ทำให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจนมาก
ๆ (และรู้สึกทุกครั้งที่ได้คุย)ว่า ถ้าเพียงแค่เราเป็นผู้หญิงขึ้นมา

 

…เราจะเติบโตขึ้นมาเป็นฅนฅนนี้แหละ
(แต่ต่อจากนี้ไม่รู้แล้วครับ)


….เป็นเรื่องหนึ่งในหลาย ๆ เรื่อง
ที่รู้สึกว่าชีวิตนี้ช่างคุ้มค่า ที่เกิดมาได้เจอครับ
^^

 

ปล. ขอขอบคุณ หนังสือเรื่อง รักแท้มีอยู่จริงของดังตฤณครับ
สำหรับแรงบันดาลใจของเอนทรีนี้ (ไม่ต้องมาขอผมอ่านนะครับ
ปัจจุบันมอบให้ฅนอื่นไปเรียบร้อยแล้ว)

ปล2. ขอให้มีความสุขมาก ๆ นะครับ ช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต … แต่ไม่ว่าจะเลือกทางไหน และไม่ว่าจะต้องเจอะเจอกับอะไร…มีผู้ชายธรรมดาฅนนึงที่เชื่อใจในตัวเราเสมอ ^^

Comments
  1. Chayanin says:

    เรื่องความเหมือน-ความต่าง ผมเคยตอบคำถามของเพื่อนไว้ บอกว่าก็เหมือนกับปลั๊กไฟ ถ้าปลั๊กมันคนละแบบกัน มันก็เสียบกันไม่ได้ (นึกถึงปลั๊กหลายๆ ประเทศ)แต่ถ้าเหมือนกันทุกอย่าง เป็นเต้ารับเหมือนกันหรือเต้าเสียบเหมือนกัน มันก็คู่กันไม่ได้อยู่ดี…เป็น metaphor ที่ฟังดูดีครับ แต่ไม่ได้บอกอะไรเลย (อ่าว)อย่างแรกคือ ถ้าพี่ก้อนเป็นผู้หญิง พี่ก้อนไม่น่าจะชื่อมษฐาชัวร์ครับ

  2. ก้อน Masatha says:

    อ๋อชื่อมษฐาแหละครับเพราะชื่อนี้เป็นชื่อผู้หญิง(มีฅนเข้าใจผิดตอนเห็นแต่ชื่ออย่างเดียวก็หลายฅน)

  3. ก้อน Masatha says:

    ปล.พอเทียบถึงปลั๊กไฟ…ถ้าไม่ใช่ป่านคงไม่คิดอะไรแต่พอเป็นป่าน ผมรู้สึกว่ามันเป็นการเปรียบเทียบที่แอบลามกน่ะครับ (จินนี่เห็นด้วยมะ?-ฮา)

  4. Jinnipar says:

    ช่วงแรกๆของเอนทรี เหมือนพี่ก้อนอัพไปด่าตัวเองไป – -"
     
    ถ้าจินนี่เป็นผู้ชาย
     
     
    ก็คงไม่ต่างจากนี้เท่าไหร่มั้ง เพราะตอนเด็กๆก็อยากเป็นผู้ชาย – -"

  5. Avena says:

    เห็นด้วยกับ "ความรักคือการหาส่วนเติมเต็ม" ครับแต่เรื่อง "เหมือน-แตกต่าง" นี่ผมไม่เห็นด้วยนะอย่างที่ป่านว่าคือก็แค่เท่ แต่ไม่บ่งบอกอะไรเลยสำหรับผม เห็นว่าความเหมือนกับแตกต่างมันก็แค่เปลือกนอกของความรักครับยิ่งเหมือนมากก็ยิ่งปิ๊งกันง่าย เพราะจะทำอะไร จะคุยอะไร ก็จะไปทางเดียวด้วยกันตลอดแต่หลังจากนั้นมันก็ไม่เกี่ยวแล้วครับแค่เราเข้าใจและยอมรับโลกของเค้า และเชื่อใจเค้า(สำคัญมากนะครับ "เชื่อใจ" เนี่ย) แค่นั้นก็พอแล้วครับไม่เกี่ยวว่า คู่ของเราจะอยู่กันคนละโลกรึเปล่า (หมายถึงคนละสังคม)เพราะถึงอย่างไรเราก็เป็น "มนุษย์" เหมือนกันครับ

  6. ก้อน Masatha says:

    Ginnie~* >>> กร๊ากกกกก จริงเรอะ ไม่ได้สังเกตอ่ะ จินนี่ถ้าเป็นผู้ชายต่างเยอะนะ เยอะแน่นอนอย่างแรกเลยคือ คงไม่ชอบทำขนม (ผู้ชายชอบทำขนม…เอ่อ)อย่างที่สองคือคงไม่แต่งกลอนเก่ง (ผู้ชายแต่งกลอนเก่ง…นึกไม่ออกอ่ะ แต่อาจจะเพ้อ ๆ แบบภาคิณก็ได้?)และคงจะไม่อ่านนิยาย คงติดเกมมากกว่าเห็นมั้ยว่าแค่เปลี่ยนเพศ อะไรก็เปลี่ยนไม่น้อยเลย ^^O@t >>>เรื่องอยู่โลกเดียวกัน หรืออยู่ฅนละโลก จะเป็นปัญหาหรือไม่เป็นปัญหาผมว่าแล้วแต่คู่ฮะ อย่างพ่อแม่ผม อยู่ฅนละโลกกันชัด ๆ ก็อยู่ด้วยกันได้ แต่สำหรับผมเรื่องนี้ค่อนข้างสำคัญ ถ้าไม่อยู่โลกเดียวกันก็ไม่รู้จะคบกันทำไมเหมือนกัน (คิดว่าสักวันจะอัพเรื่องนี้แหละ รอเก็บประเด็นอยู่)เห็นด้วยว่าคำว่า เชื่อใจ เป็นคำอวยพรที่ดีที่สุดครับ ^^

  7. EIG says:

    ผมว่า ผมชอบทำขนมนะแล้วก็คิดว่าแต่งกลอนได้ไม่เลวและอ่านนิยาย และไม่ติดเกมอืม… ที่จริงผมเป็นร่างผู้ชายของจินนี่หน่ะครับผมชอบวิธีการแยกเรื่องเป็น รสนิยม กับ ส่วนเติมเต็ม ของพี่ก้อนมากเป็นการแยกที่เจ๋ง รู้สึกว่าเออ น่าจะใช่เลยแต่ก็ไม่แน่ใจอยู่ดีอะครับเดี๋ยวผมจะไปมีแฟนเสร็จแล้วจะบอกความเห็นละกันนะครับ

  8. praew says:

    เคยคิดแค่ว่า ถ้าเกิดมาเป็นผู้ชาย…ชีวิตคงไม่ต่างจากนี้ซักเท่าไหร่
     
    อาจจะติดเกม อาจจะเตะบอล อาจจะเล่นสเก็ตบอร์ด(อยากมานานละ) อาจจะเบรกแดนซ์(สังขารตอนนี้ไม่อำนวย 555)
    แต่โดยอุปนิสัยลึกๆแล้ว คงไม่เปลี่ยนหรอกค่ะ ฮ่าๆๆ
     
    อ้อ…แต่ก็เคยคิดเหมือนกันว่าถ้าตัวเองเป็นผู้ชาย จะจีบผู้หญิงเก่งรึเปล่า อิอิ

  9. Jang says:

    ความรักต้องการความเป็นตัวของตัวเองได้ในการใช้อีกครึ่งชีวิตร่วมกับผู้อื่น(ผู้นั้นแหล่ะที่เจ้ารัก)ถ้ามันทำได้แบบพอดีๆ จะมีสุข(ประมาณว่า แขนของเรากอดตัวเราเองไม่ได้ ต้องหาใครสักฅนมาโอบกอดเรา – เลี่ยนสัด>>>>55555 คำหลังสุด แว่บมาในสมองก่อนอ่าน คำหลังสุด..5555แม่พี่ก็เหมือนกันแหล่ะ คนนี้ดี คนนี้งั้นงี้ สรุปพี่ไม่เอาซักคนเมื่อก่อนงง แม่นะ ทำไมแม่ไม่เอาซะเองว้า…พอเป็นแม่คนตอนนี้มีลูกชายเข้าใจคุณป้าเลยแหล่ะ…เรียกว่าลูกสะใภ้ ต้องใฝ่ใจเอาใส่ห่อฯ…อิอิ ตอนนี้เด็กๆเริ่มพูดเรื่องแฟน มีเพื่อนหญิงที่สนิทๆ มีเพื่อนหญิง (ทำ)มาตีสนิทแม่แอบอมยิ้ม(ด้วยใจระทึก) ลูกจะเป็นหนุ่มแล้วเรา ไม่รู้วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรสำหรับแม่คนนึง ก็หวังเพียงว่าชีวิตของคนผู้ซึ่งเป็นดวงใจ จะเป็นชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะปรารถนาให้เกิดขึ้นและทำให้เขาได้และหวังมากที่สุดว่าความรักจะไม่ทำให้ใครบาดเจ็บ ทั้งๆที่เราก็ต่างผ่านวันเวลาเหล่านั้นมา เหมือนที่เขากำลังจะเดินเข้าไปพบกับมัน**************เคยอยากเป็นผู้ชาย แต่ก็คิดว่า พี่ใช้ชีวิตค่อนข้างคุ้มแล้วนะ ทั้งๆที่เป็นผู้หญิง เหลืออีกไม่กี่เรื่อง ที่สุดปัญญา อาทิ ทำผู้หญิงท้อง หรือยืนฉี่…ฮาปล.มีคนเหมือนก้อนอีกเหรอ..คะปล. อ่านคอมเมนท์ป่านไม่คิดอะไรจนมาอ่านคอมเมนท์ก้อนที่ไปเมนท์ป่าน..ตกลงใครคิดไร ปล. ผู้ชายแต่งกลอน ชอบทำขนม มีเยอะนะก้อน ก๊วนพี่มีตั้งหลายคน ทำอะไรเป็นหลายๆอย่างดีออก เพิ่มมูลค่าให้ตัวเอง..ดี 555 ว่าแต่ จินนี่ทำขนมอร่อยป่ะ..^_^

  10. May-ya says:

    +++ เมอินเนิดจนไม่สนใจว่าความรักคืออะไรยังไงแล้วอ่ะพี่ก้อน หลังจากมาเรียนวิทยาศาสตร์แล้วก็รู้สึกว่าไม่ใช่ทุกอย่างบนโลกที่ต้องการคำอธิบายจากเรา (จริงๆแล้วมันคงจะไม่ได้ต้องการกันเอง แต่พวกเราโดดใส่กันเอง ฮ่าๆๆๆ) แล้วก็หลายๆอย่างบนโลก เราก็ไม่ได้ต้องการคำอธิบายจากมันเหมือนกัน
     
    +++ สรุปว่าเมเรียนวิทยาศาสตร์มาจริงๆใช่ป่ะ ฟังดูเหมือนตัวปลอมมากๆ 5555555
     
    +++ สรุปอีกรอบคือ ความรักคืออะไรก็ไม่รู้ (ไม่สนใจแล้วบางทีก็รู้สึกโง่ที่จะต้องไปหาคำตอบกับมัน เพราะไม่ใช่ทุกอย่างบนโลกที่มีคำตอบ อะไรฟะเริ่มงงและเข้าสู่วังวนความเพ้อส่วนตัว พอๆ) เอาเป็นว่าเมไม่สนใจที่จะรู้ด้วย แต่ถ้ามีแล้วมีความสุข ก็อยู่กับมันไปเห๊อะ ฮ่าๆๆๆๆ

  11. May-ya says:

    +++ ส่วนเรื่องเปลี่ยนเพศ อืมมม ไม่เคยคิดจนกระทั่งอ่านเอนทรี่นี้นะ แต่พอมานั่งคิด เมจีบสาวเก่งชัวร์ๆ (สิ่งเดียวที่มั่นใจ) กรากกกก

  12. ก้อน Masatha says:

    Touchapol Saranurak >>> โฮ่ เพิ่งรู้ว่าอิ๊กชอบทำขนมนะเนี่ย (ความรู้ใหม่ ๆ) ว่าง ๆ จะไปขอชิมรสมือนะจ๊ะ ^^ส่วนเรื่องแต่งกลอน เออ อันนี้เห็นด้วยว่ามีฝีมือ (แต่งเพลงด้วย ๆ)นิยายที่อ่าน พี่เข้าใจว่าคงจะแตกต่างจากนิยายที่เป็นที่นิยมของสุภาพสตรีเหมือนกันนะ เคยอ่านนิยายเกาหลี … พบว่า sexual harassment จัด ไม่ก็ Y เกินเสียจนทำใจอ่านต่อไม่ได้ (แต่ก็เคยอ่านแค่เรื่องเดียว เรื่องอื่นอาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้)55+ เป็นร่างผู้ชายของจินนี่เรอะ? แล้วจินนี่คิดว่าไงจ๊ะ? ^^จะรอตอนอิ๊กมีแฟนนะ เหอ ๆ ๆ ๆ ๆ (พนันกับอู๋ไว้ว่า ไม่เกินวาเลนไทน์ อิ๊กมีแฟนแน่นอน…. อย่าให้พี่แพ้พนันนะเฟร้ย)pяãέω³² >>> 55+ คิดเหมือนกันว่า แพรวมีนิสัยอะไรที่ดูเป็นผู้ชายหลายอย่าง (อ่า… นี่เป็นคำชมนะ) เพราะงั้นถ้าเกิดมาเป็นผู้ชาย จริง ๆ แล้วชีวิตอาจจะไม่เปลี่ยนมากจากนี้ก็ได้ (แตกต่างจากจินนี่อ่ะ เพราะพี่รู้สึกว่าจินนี่มีความเป็นผู้หญิงสูง เพราะงั้นถ้าเกิดเป็นผู้ชายน่าจะมีอะไรแตกต่างจากนี้เยอะ)ส่วนจะจีบผู้หญิงเก่งรึเปล่า.. อันนี้ไม่รู้เหมือนกัน…ว่าง ๆ ก็ลองจีบผู้ชายดูก่อนสิจ๊ะ (กร๊ากกกก)*+ MadeLine +* >>> เออ คิดเหมือนกันว่าถ้าเมย์เป็นผู้ชายคงจีบสาวเก่งชัวร์ ๆ (ไม่รู้ทำไม แต่คิดงั้นจริง ๆ)เรื่องแบบนี้ เข้าใจหรือไม่เข้าใจก็เป็นแนวคิดของแต่ละฅนอ่ะ ถึงไม่เข้าใจก็ไม่ได้มีผลอะไรกับการดำเนินชีวิตจริงหรอกเหมือนเรื่องจักรวาลนั่นแหละ จักรวาลมีจุดสิ้นสุดไหม มีต้นกำเนิดมาได้อย่างไร ฯลฯ เรื่องแบบนี้บางฅนก็อยากรู้ บางฅนก็ไม่อยากรู้ แต่ถึงไม่มีคำอธิบายใด ๆ ชีวิตก็เดินหน้าต่อไปได้ ถึงจะไม่อยากรู้ หรืออยากรู้แล้วหาคำตอบไม่ได้ ชีวิตก็มีความสุขได้อยู่ดี ห้าห้าห้าห้า ^^(เออ น่าคิดเหมือนกันว่าถ้าเมย์ไปเรียนด้านอื่น สังคมศาสตร์ อักษรศาสตร์ ชีิวิตจะเป็นไงเนอะ อาจจะเข้ามาก ๆ ก็ได้นะ – ฮา)¤°•TwïѬ߱┢┦ømë•°¤ >>> ประโยคต้น ๆ ของคอมเมนท์เหมือนเอามาจากพระคัมภีร์เลยครับ (ฮา)แม่ผมไม่ค่อยเรื่องมากเรื่องผู้หญิงที่ลูกชายชอบหรอกครับ (แม้จะชอบชี้ำนำแต่ทำเหมือนไม่ชี้นำบ่อย ๆ ก็ตาม – ฮา)แต่ถ้าไม่ชอบผู้หญิงฅนไหน…นี่เลยครับ ประโยคสุดคลาสสิค ‘แม่ขออะไรอย่างนึงก้อนได้ไหม?’ (ฮา-ชีวิตนี้ได้ยินประโยคนี้มาไม่รู้กี่สิบรอบแล้วครับ)สองหน่อของพี่แจง ผมคิดว่าคงอีกสักพักอ่ะครับ (แต่ก็ไม่แน่ เด็กสมัยนี้มีแฟนเร็ว….รุ่นน้องที่ผมรู้จัก ยังไม่จบม.ต้นเลย เปลี่ยนแฟนมา 4 ฅนแล้ว…..T-T)แต่มีแฟนในสาธิตเกษตรค่อนข้างจะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ อันนี้ผมยืนยันได้ว่าอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่วางใจได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียวผมว่า ถึงพี่แจงเกิดมาเป็นผู้ชาย ก็คงไม่ได้ทำอะไรมากกว่านี้แล้วครับ "- – (น่าจะได้ทำทุกอย่างที่อยากทำแล้ว)ปล. คำว่า ‘เหมือน’ ในที่นี้ ผมคิดว่ามีความหมายต่างจากความเข้าใจของพี่แจงพอสมควรนะครับ เอาเป็นว่าไม่ขออฺธิบายแล้วกัน เพราะพี่แจงคงไม่เข้าใจ (เพราะพี่แจงรู้จักผมน้อยเกินไปที่จะเข้าใจด้วยอ่ะครับ) บอกได้แค่ว่า ถ้าเหมือนแค่เปลือกนอก (คำพูดคำจา เสื้อผ้า ทรงผม) ผมคงไม่ประทับใจที่ได้เจอหรอกครับปล.2 ถ้าผมคิดได้ ไม่ต้องห่วงครับ รับรองว่าป่านคิดได้แน่นอน (ฮา)ปล.3 ผู้ชายทำขนม แต่งกลอนได้ มีเยอะนะก้อน >>> คำว่ามีเยอะ กับคำว่า เป็นเรื่องปกติธรรมดา หรือเป็นนอร์มในสังคมเนี่ย … ผมคิดว่าแตกต่างกันนะครับ (ยิ่งเพื่อนพี่แจง อะไรที่ทำได้ ผมว่าเทียบเป็นฅนส่วนใหญ่ของประเทศไม่ได้หรอกครับ ^^) เพื่อนผมทั้งกลุ่ม … เอาเป็นว่าทั้งที่โรงเรียน และทั้งที่คณะ ไม่เคยเจอใครแต่งกลอนและชอบทำขนมเลยล่ะครับ (หรือผมแค่อาจจะไม่รู้ก็ได้ฮะ)ขนมจินนี่ก็อร่อยครับ (แต่ก็เคยลองทานแค่หนเดียว…ถามอิ๊กหรือป่านอาจจะได้คำตอบที่ดีกว่านี้ฮะ)  

  13. peeta says:

    ผมคิดอีกอย่างนะ
     
    คือบางคนก็ไม่รู้จักหรือชอบในสิ่งที่คนนั้นชอบเลย แต่พอไปรักคนนั้นแล้วเลยหาเรื่องเพื่อจะได้ใกล้ชิดให้มากขึ้น
    ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับชอบไม่ชอบอย่างเดียวกัน ถ้าชอบก็คุยได้ ถ้าไม่ชอบก็ขอให้ได้เถียงซักกันซํกนิด รสนิยมไม่ใช่ประเด็นไป
     
    อันเคยเกิดกะตัวเอง แม้จะผ่านไปนานแล้ว
     
    เรื่องส่วนเติมเต็ม ผมว่า ความรักนี่แหละ คือ "ส่วนเติมเต็ม"
     
    บางคนอยู่คนเดียวได้ เพราะเค้าอาจมีความรักพออยู่แล้ว เช่น จาก พ่อ แม่
    บางคนมีคู่แต่อยู่ไม่ได้ เพราะว่าอาจไม่ได้มีความรักที่ตนต้องการ
     
     
     
    ส่วนถ้าผมเป็นผู้หญิง คงต่างเยอะ โอย ไม่อยากคิด..
     

  14. c e r e a l says:

    เคยคิดว่า..จะอยู่กับคนที่ชอบอะไร คิดอะไร เหมือนๆเรา เพราะคงอยู่กันอย่างสบายยย ไม่มีเรื่องต้องเถียงกันแน่ๆ
    เคยคิดว่า..ถ้าเจอคนที่มีอะไรตรงข้ามกับเราคนละขั้ว จะไม่ทุ่มเทเวลาในชีวิตมากๆมายๆให้เขาเด็ดขาด
     
    แต่ตอนนี้..ได้เรียนรู้ว่า
    ความสุข..จากการได้นั่งหัวร่องอหาย ไปไหนมาไหน กินอะไร แบบเดียวกับคนที่เรารัก
    และความสุข..จากการได้ก้าวเข้าไปในโลกของเขาเพิ่ม 1 ก้าว  และมี 1 ก้าวของเขา ก้าวมาในโลกของเรา
     
    เป็นความสุขที่"อุ่น"ไม่แพ้กันเลย
    และมันเป็นความสุขแบบเดียวกัน กับที่ทำให้พ่อและแม่ของแอ้..
    ยังหอมแก้มกันและกันจนถึงทุกวันนี้ ^_^

  15. ก้อน Masatha says:

    Peeta–> >>> ถ้าเราเริ่มชอบใครสักฅน ผมว่าไม่ว่าฅนนั้นจะสนใจอะไร เราก็สนใจตามไปหมดแหละครับ (อันนี้ก็เคยเกิดกับตัวเองเหมือนกัน) แต่ถ้าอะไรที่มันไม่อยู่ในความสนใจของเราจริง ๆ มันก็ไม่อยู่จริง ๆ แหละครับ พอนาน ๆ เข้า เราก็คงเบื่อเองที่จะเข้าไปอยู่ในโลกที่เราไม่ได้มีความสนใจอะไรเลย:*: c e r e a l :*: >>> คู่ของคุณพ่อคุณแม่แอ้น่ารักจังเลยนะเนี่ย ^^ปล. อมยิ้มน่ากินอ่ะ

  16. Chayanin says:

    เร็วมากเลยครับ คอมเมนต์เพิ่งรู้นะครับเนี่ย ว่ามษฐาเป็นชื่อผู้หญิง เพราะเพิ่งรู้จักคนชื่อนี้คนเดียว และคนนั้นเป็นผู้ชาย (มั้ง — เอ๊ะ ยังไง)แต่ผมไม่เห็นด้วยกับพี่โอ๊ตเท่าไหร่นะครับ ว่าไม่จำเป็นต้องอยู่โลกเดียวกันคือ อย่างที่พี่ก้อนว่าอ่ะครับ มันไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันทุกโลก (เอ๊ะ งง) แต่ถ้าไม่อยู่ด้วยกันซักโลก (นอกจากโลกส่วนตัวกันสองคนเนี่ย) บางทีมันก็ลำบากนะครับอย่างถ้าเป็นวัยเรียน ก็จะผลักการบ้านไปให้แฟนช่วยทำยากขึ้นครับ (ฮา)ปล. ผมว่าผมไม่ได้คิดนะ (ยอมรับก็ได้ว่าตอนพิมพ์ก็พยายามเรียบเรียงไม่ให้มันส่ออยู่ เหอๆ)

  17. Jang says:

    -ถ้าเหมือนแค่เปลือกนอก (คำพูดคำจา เสื้อผ้า ทรงผม) ผมคงไม่ประทับใจที่ได้เจอหรอกครับ>>>>คิดว่าพี่คิดอย่างนั้นเหรอ   มีคนเหมือนก้อนด้วยเหรอ…ต้องใส่รูปตาโตๆ หน้ายิ้มไปด้วย จะได้เข้าใจว่าแปลว่า ดีแฮะ   มีคนที่ก้อนรู้สึกว่าโชคดีที่เจอความเหมือนอีกคน-ปล.3 เป็นประโยคบอกเล่าค่ะ  ***ชอบคอมเมนท์น้องแอ้…รู้สึกว่าที่เดินจูงมือป๊ะป๋าน้องแฝดทุกๆวัน หอมแก้มทุกๆวัน เป็นเรื่องที่ปกติของคนอีกหลายคู่บนโลกนี้-รู้แต่ว่าถ้าเป็นผู้ชายคงลำบาก อาจโสด เพราะคุณแม่คง "แม่ขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม"  เหมือนกัน  ฮา…แต่แม่พี่หมายถึงประโยคคำสั่งและต้องทำตามอย่างเด็ดขาด…T_Tขำปล.ป่าน…ไหลเร็วมาก อ่านแว้บแรกรู้สึกไงไม่รู้ว่า  เป็นเอนทรี่ ที่ผู้เขียนเจาะจงผู้รับสาร ^_^ 

  18. Zerothman says:

    อ่านๆ ไป แอบลุ้นอยู่นาน ว่าพี่ก้อนจะเผาผมหรือเปล่าอืม… รอดเห็นด้วยนะครับ (อย่างน้อยก็ยังไม่มีอะไรจะคัดค้าน)อ๊ะ เพิ่งรู้ว่าพีต้าอยู่ในวังวนบล็อกนี้ด้วย… ตื่นเต้นส่วนพีต้าเป็นผู้หญิงเป็นยังไงน่ะหรอ… ใครอยากเห็นหลังไมค์ครับ

  19. ก้อน Masatha says:

    ¤°•TwïѬ߱┢┦ømë•°¤ >>> 55+ โทษทีครับ พอดีเคยมีฅนพูดประโยคเดียวกับพี่แจงครับ แต่พูดด้วยน้ำเสียงคลางแคลงใจ…ผมพลาดเองที่คิดว่า คำพูดเดียวกัน ฅนพูดจะหมายความเหมือนกัน (คราวหน้าเวลาพี่แจงพิมพ์มา คงต้องใส่ให้เต็มประโยคแล้วละครับ ใส่แค่ครึ่งเดียวแล้วปล่อยให้ผมตีความเอาเอง จะเข้ารกเข้าพงเสียหมด)ปล.3 ผมคงไม่ค่อยแตกฉานภาษาไทยน่ะครับ "- – พอดีไม่เคยลงท้ายประโยคด้วยคำว่า ‘ป่ะ’ ที่เป็นประโยคบอกเล่า เคยแต่ใช้กับประโยคคำถามครับ (เพราะคิดว่าคำนี้มันย่อจากคำว่า ‘รึเปล่า’)เห็นด้วยกับคอมเมนท์แอ้ครับเอนทรีในซีรีย์นี้(สามเอนทรีที่ผ่านมา) เป็นเอนทรีเจาะจงผู้รับสารมาตั้งแต่ต้นแล้วครับ (เอ๊ะ ผมนึกว่าบอกไปแล้วซะอีก ไม่ได้บอกเหรอครับ?)Chayanin >>> ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ จนกระทั่งเวลาส่งชื่ออะไรไปแล้วพอเจอตัวจริง ฅนชอบทักว่า อ้าว คุณเป็นผู้ชายเหรอคะ? บ่อย ๆ เนี่ยแหละครับ ถึงได้รู้ว่าชื่อผมเป็นชื่อผู้หญิง (ว่ากันตามจริงก็ไม่เคยเจอใครที่ชื่อซ้ำเลยเหมือนกัน)มุขเอาการบ้านให้แฟนทำนี่ ป่านใช้บ่อยรึเปล่าครับ (เอ๊ะ แฟนป่านชื่ออะไรนะ ลืมแล้ว ชื่อชมพู่ หรือว่าชมพูหว่า?)Zerothman >>> เผาพี่ณัชเอนทรีนี้ยังไม่มีครับ (มันจะมีไปได้ไงหว่า?) แต่มีชัวร์ ไม่ต้องห่วง ผมทำร่างไว้แล้วครับพีต้าเพิ่งมาเมนท์เมื่อสองสามเอนทรีที่ผ่านมานี้เอง (พอดีเจ้าตัวเพิ่งอัพของตัวเองน่ะครับ แล้วผมไปคอมเมนท์ เลยคงเข้ามาตอบ)พีต้าถ้าเป็นผู้หญิงคงจะน่ารักน่ะครับ (ดูหน้าออก)

  20. katachi says:

    แหมม หวานทุกเอนทรี่จริงๆเลยนะคะคนนี้
         ถ้าข้าวตูเป็นผู้ชาย น่าจะแมนกว่านี้อีก100เท่า และคงจะหน้าม่อมากๆๆเลยด้วย (รู้สึกตัว)55+
           จบม.6อาจจะม่อผุหญิงไปแล้ว48คน  (อันนี้เว่อ)
    แต่เกิดเป็นผู้หญิงก็(คง)ดีแล้วล่ะค่ะ แค่นี้ก็แมนเร้าใจจนแม่ปวดหัว …..จนแม่เคยเลียบๆเคียงๆพูดว่า ไม่ใช่ทอมใช่มั้ยลูก -*-
         …ถ้าพี่ก้อนเป็นผู้หญิงก็คงสวยน่าดูนะคะ
    ว่าแต่ว่า  ถ้าเป็นผู้หญิงแล้วพี่ก้อนจะไว้เครารึเปล่าคะ?
     

  21. Ditdin says:

    ซีรีย์นี้ อ่านแล้วยังเครียดเหมือนเดิมเลย กกก
    ยังอ่านไม่จบเลย TT ขอไปพักก่อนครับ…
     
    ปล. ตอนนี้ ม.6 ไม่มีกิจกรรมอิสระแล้ว TT

  22. Jinnipar says:

    แวะกลับมาอ่าน – –
    จินนี่ก็มีมุมแมนๆนะ แค่พี่ก้อนไม่ค่อยเห็น ฮาๆๆ
     
    ความรักก็เหมือนรองเท้า ต้องคู่กัน แต่คนละข้าง ไม่งั้นมันก็เป็นรองเท้าหนึ่งคู่ไม่ได้
     
    พี่อิ๊กๆ จินนี่ก็ติดเกมนะ เป็นบางเกม
     

  23. ก้อน Masatha says:

    Ginnie~* >>> อ่า ก็จริงเปรียบเทียบกันได้เห็นภาพดี (แต่ถ้าฅนที่อยู่เป็นโสด หรือไม่ก็เป็นเพศที่สาม คงไม่ค่อยชอบการเปรียบเทียบแบบนี้เท่าไหร่ -ฮา)จินนี่เล่นเกมไรอ่ะ? วอร์คร๊าฟรึเปล่า?Ditdin >>> อ่าแล้วซีรีย์ไหนที่อ่านแล้วไม่เครียดอ่า (การเมืองเรอะ?-ฮา)-ฆ่าวฏู– >>> หวานแค่ช่วงนี้แหละจ้า (แถมหวานอยู่ฅนเดียว ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอ่านแล้วจะหวานตามรึเปล่า)ข้าวตูเป็นฅนที่…พอบอกว่าเป็นผู้ชายจะึนึกภาพออกชัดโคตร ๆ (ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน)แต่วันงานประจำปีสวยผิดหูผิดตานะจ๊ะเนี่ย ^^เป็นผู้หญิงคงไม่ไว้เคราหรอก (โว้้ย) คงไม่ไว้ขนรักแร้ด้วยอ่ะ (จะถามถึงขนหน้าแข้งอีกมะ?)

  24. ﹕CH△NGE ≡ C H ▲ N C E﹕ says:

    หวัดดีคับ รักก็คือรัก  รักคือที่มาของความสุข แต่รักก็เอามันคืนไป….

  25. Chayanin says:

    ถ้าหมายถึงยกการบ้านไปให้ทำบ่อยมั้ยคงบอกว่า เป็นครั้งคราว…….. มั้ง

  26. peeta says:

     อืม…ช่วงที่ผมยาว อาตี้ก็บอกว่าเหมือนผู้หญิง

  27. Jinnipar says:

    ตอนนี้ติดเกมแฟลชเกมนี้
    http://www.miniclip.com/games/magic-pen/en/

  28. ก้อน Masatha says:

    Ginnie~* >>> โอ่ ยากอ่ะ (พี่ไม่ค่อยถนัดเล่นเกมเลยแฮะ)Peeta–> >>> 55+ พูดแล้วก็ชักอยากเห็นพีต้าตอนแต่งหน้าแฮะChayanin >>> วิชาอะไรเรอะ? (เรียนฅนละคณะไม่ใช่เหรอจ๊ะ?)-:TuM:- >>> โอ้ ขอบคุณที่แวะมาเมนท์ครับ

  29. gibt says:

    โอ้วว ช่วงนี้ชีวิตยุ่งเหยิงมากจนไม่ได้แวะมาอ่าน
    ได้อ่าน blog เกี่ยวกับความรักรวดทีเดียว 3 blogs เลยแฮะ
    (ชอบฮ่ะชอบ 555)
    ขอมาเมนต์รวมรวบยอดเลยแล้วกันนะ
    รักคือเกมส์>>> มีคนบอกจริงๆว่าต้องทำตัวให้น่าสนใจคิดว่ากรณีนี้แล้วขึ้นอยู่กับแต่ละคนมากกว่า แต่เปอร์เซนต์ของคนในสังคมเกินครึ่งหนึ่งคงมีอาการ "เบื่อง่าย"ต้องการอะไรใหม่ๆอยู่ตลอดเวลาเพราะฉะนั้นวิธีการรักษาความรักให้ยืนยาวก็คือทำตัวเองให้น่าสนใจอยู่เสมอ
    แต่สำหรับตัวเองนะ เจอคนที่น่าสนใจอยู่เสมอจนเหนื่อยใจแล้ว 5555
    อ่านแล้วขอฮิ้วววว หน่อยอิจฉาคนมีความรัก คริคริ
    แต่เราก็มีความรักนะตอนนี้ เป็นรักที่อยากทำอะไรดีๆให้เค้าสองคน (งงมั้ยว่าทำไมสองคน) มีความสุขไปเรื่อยๆนั่นแหล่ะ รักแบบไม่หวังอะไรก็มีความสุขดีจังไม่ต้องคิดเล่นเกมส์หรือทำตัวให้เค้าสนใจสบายดี^__________^
    รักคือดวงจันทร์ รักคือตะวัน>>> เพลงที่อยู่ในดวงใจเหรอออืมมม ต้องคิดนานหน่อยมันเยอะอยู่
    แต่ถ้าเอาที่ไม่กล้าฟังเต็มๆเพลงเท่าไหร่คงเป็นเพลง "ฉันมีค่าแค่ไหน" ของ peacemakerฟังทีไรแล้วจะร้องไห้แฮะ
    แล้วก็ชอบเพลง Stay ของปาล์มมี่เพลงนี้ก็มีเรื่องตรงใจ ฟังเพลงนี้แล้วใจจะลอยไปหาความหลังที่เวียนนา
    แต่อยากมอบเพลงนี้ให้เจ้าของบล็อค น่าจะโดนใจตอนนี้นะ หุหุ
    "คนมีความรัก" – ณัฐ ศักดาทร ลิงค์นี้เป็นลิงค์แสดงสด มีพี่แต๋งวงเฉลียงเป็นแขกรับเชิญhttp://www.youtube.com/watch?v=VLFQrfBzeBI
    รักเหมือนรักแตกต่าง>>> เคยคิดเหมือนกันว่าถ้าเป็นผู้ชายน่าจะดี จะได้ทำหลายๆอย่างตามใจอยากไปเที่ยวโน้นนี่ แต่เป็นผู้หญิงแม่ก็จะห่วงไงถ้าไปคนเดียวถ้าเป็นผู้ชาย คงจีบผู้หญิงหลายคนแล้วหล่ะ กร๊ากกกกกกกกกกกกจริงๆแล้วเป็นพวกเจ้าชู้เงียบไง
    เรื่องส่วนเติมเต็มในชีวิต แอบเห็นด้วยแฮะจากประสบการณ์ตรงเลยนะ คุณคนนั้นกับเราเหมือนกันเกินไป ในเรื่องนิสัยไม่ใช่รสนิยมมันไม่ใช่ส่วนเติมเต็ม แต่เป็นเรื่องของคนที่พยายามจะทำตัวให้เป็นส่วนเติมเต็มแล้วก็ทำได้ไม่นานไง เพราะเราไม่ใช่คนอดทนขนาดนั้นเหมือนกันจนน่าขนลุกว่า เค้าเนี่ยแหล่ะคือเราในภาคผู้ชาย (แต่สาบานได้ว่าถ้าเป็นผู้ชาย อิฉันจะไม่ทำนิสัยห่วยๆบางอย่างหรอกนะ)
    ขอให้โชคดีในเรื่องความรัก หวานๆนานๆเน้อ จะได้มีเรื่องความรักมาให้อ่านอีก
    ชอบอ่านจริงๆแหล่ะ ^__________^
     

  30. ก้อน Masatha says:

    โอ้วไม่น่าเชื่อว่าเอนทรี่นี้จะเหยียบ ๓๐ คอมเมนท์ได้ (แม้ว่าจะมาจากการตอบเองซะ ๙ คอมเมนท์ก็ตาม- ฮา)ดีใจที่บิ๊กมาอ่านจ้า (กำลังสงสัยอยู่ที่เดียวเชียวว่าทำไมยังไม่เห็นบิ๊กมาเมนท์ละหวา? เพราะปกติมักไม่ค่อยพลาดเรื่องแนว ๆ นี้ ^^)แล้วคอมเมนท์บิ๊กจะนับเป็นหนึ่ง หรือนับเป็นสามดีละเนี่ย (ฮา)เป็นรักที่อยากทำอะไรดีๆให้เค้าสองคน (งงมั้ยว่าทำไมสองคน) มีความสุขไปเรื่อยๆ <<< อืม คิดว่าไม่งงนะ เพราะว่าสมัยบิ๊กมีแฟน เราก็คิดเหมือนกัน (ฮา) ไม่ต้องทำตัวให้น่าสนใจ ก็สบายดี แต่บางทีก็เหงาเหมือนกัน (ยิ่งหนาว ๆ แบบนี้นะ หูยยยย)"คนมีความรัก" – ณัฐ ศักดาทร <<< ฟังแล้วจ้า (ไม่ค่อยได้ยินเสียงร้องเลย แต่ก็พอฟังรู้เรื่องนะ) ยังคงคอนเซปท์นัท-ต้อลเหมือนเดิมเลยนะจ๊ะเนี่ย ^^ดีใจที่ยังเข้ามาอ่านจ้า ^^

  31. Jang says:

    ไม่ต้องรีบ อ่านแล้ววางคอมเมนท์นะคะพี่เขียนไว้ชัดแล้ว ….อาจจะมีอีกเล่ม ที่เขียนจากผู้คน ที่โดนเหยียบย่ำจากความไม่รู้จักพอ"ในอำนาจ" ของการสู้รบกันของคนไม่รู้จัก "พอ" สองฝ่ายสัตว์โลก ย่อมเห็นแก่ตัวเป็นเรื่อง"ปกติ" พี่ไม่ปกติได้ไหม  เวลาไปวัดแล้ว รู้สึกมัน"ดัดจริต" ค่ะ ถ้าใจยังบอกว่า มันปกติแล้วปากบอกว่า ข้าพเจ้าเชื่อ…เชื่อว่าความเห็นแก่ตัวเป็นเรื่องปกติ..???พี่ไม่สามารถ ดัดจริตได้ขนาดนั้นคนที่หัวเราะได้บนความทุกข์ยากของผู้อื่น พี่นึกไม่ออกว่า ควรจะให้คำว่ามนุษย์ หรือสัตว์โลกเวลาเรียกเขาเวลามองเพื่อนที่ รอดจากการล้างท้องเพราะกินยาฆ่าตัวตาย จากความอับจนในหนี้ก้อนมหาศาล และหมดตัวภายในพริบตาจาก "ความเชื่อ" ของคนบางกลุ่มพี่ก่นด่า คนบางคน และคนบางคน ที่ผูกหนี้เวร โมหะและกิเลสแห่งความมัวเมาในอำนาจพร้อมทั้งบอกพระเจ้าว่า จงทำและนำให้ลูก"อย่าได้เป็น สัตว์โลก"  อย่างพวกนี้เลย

  32. ก้อน Masatha says:

    ๕๕๕๕ไม่ต้องห่วงครับผมคิดว่าผมเริ่มเดาทางพี่แจงได้มากขึ้นนะครับ (จากที่เมื่อก่อนเดาไม่ได้เลย)แล้วก็เดาได้ว่าพี่แจงจะกลับมาคอมเมนท์ประมาณนี้แหละ ไม่ผิดจากที่คาดเท่าไหร่ (แต่ก็ไม่ได้เดาถูกร้อยเปอร์เซ็นต์นะครับ)คงไม่ตอบอะไรต่อละครับ บอกได้แค่ว่า ความเห็นแก่ตัวมันมีหลายระดับ และมีหลายมิติ สิ่งที่ผมเขียนไว้ที่บล็อกพี่แจงเองก็ชัดเ จนครับ ส่วนจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่บุคคลแล้วก็ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ความคิดเราสวนทางกันครับ ^^ปล. แนะนำเอนทรี่ของอิ๊ก กับของป่านครับ น่าอ่านมั่ก ๆ กำลังเข้าฝักเลยทีเดียว (หมายถึงเรื่องการเมืองนะครับ)http://eigx.wordpress.com/2008/12/02/ความเกลียดชัง/http://chayanin.wordpress.com/2008/12/01/ขี้เกียจตั้งชื่อ/#comments

Leave a reply to ก้อน Masatha Cancel reply